นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า“ปัจจุบันประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ โดยมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย คาดการณ์ว่า ปี 2583 ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้สูงอายุประมาณ 20.5 ล้านคน หรือเกือบ 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ซึ่งจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลด้านบวกต่อธุรกิจบริการด้านสุขภาพและความงามเนื่องจากกลุ่มผู้สูงอายุหันมาดูแลตัวเองและต้องการบริการด้านสุขภาพและความงามมากขึ้นอีกทั้ง โรคโควิด-19 ทำให้เกิดการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ทั้งการทำงานแบบ Work from Home การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพการระมัดระวังเรื่องสุขอนามัย การเลือกซื้อวิตามินและอาหารเสริมต่างๆ ส่งผลให้ประชาชนมองหาบริการด้านสุขภาพและความงามมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
ธุรกิจบริการด้านสุขภาพและความงามมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา โดย 8 เดือนแรก (มกราคม-สิงหาคม) ปี 2565 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่สูงถึง 353 ราย ทุนจดทะเบียน 969.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2564 จำนวน 167 ราย หรือ 90% และทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 659.32 ล้านบาทหรือ 212.62% (ปี 2564 จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ 186 รายทุน 310.10 ล้านบาท) เฉพาะเดือนสิงหาคม 2565 จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่56 ราย ทุนจดทะเบียน 124.60 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2564 จำนวน 38 ราย หรือ 211.12% และทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้น105.10 ล้านบาท หรือ 539% (สิงหาคม 2564 จดทะเบียน 18 ราย ทุน 19.50 ล้านบาท)
ธุรกิจบริการด้านสุขภาพและความงามที่ดำเนินกิจการอยู่ ณ 31 สิงหาคม 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,621 ราย คิดเป็น 0.19% ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินกิจการอยู่ และมีมูลค่าทุน 7,511.48 ล้านบาท คิดเป็น 0.036% ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศไทย
ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร 836 ราย(51.57%) ทุนจดทะเบียนรวม 5,339.31 ล้านบาท (71.08%) รองลงมา คือ ภาคกลาง จำนวน 224 ราย (13.82%) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 180 ราย (11.10%) ภาคเหนือ 175 ราย (10.80%) ภาคตะวันออก 101 ราย (6.23%) ภาคใต้ 78 ราย (4.81%) และภาคตะวันตก 27 ราย (1.67%)
รมช.พณ.กล่าวต่อว่า ภาพรวมของการลงทุนในธุรกิจฯ นักลงทุนชาวไทยครองแชมป์อันดับ 1 มูลค่าทุน 7,286.32 ล้านบาท (97.00%)รองลงมา คือ จีน ทุน 80.92 ล้านบาท (1.08%) ฮ่องกง ทุน 38.69 ล้านบาท (0.52%) อิตาเลียน ทุน 34.00 ล้านบาท (0.45%) และสัญชาติอื่นๆ ทุน 71.55 ล้านบาท (0.96%)
ภาพรวมผลประกอบการของธุรกิจฯ รายได้เฉลี่ยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 15,000 ล้านบาทต่อปี โดยรายได้รวมปี 2562 จำนวน 16,085.25 ล้านบาท ปี 2563 จำนวน 14,316.74 ล้านบาท (ลดลง 11%) และปี 2564 จำนวน 15,153.89 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5.85%) ทั้งนี้ คาดว่า ปี 2565มูลค่าตลาดของธุรกิจฯ ทั่วโลก จะสูงถึง 206 ล้านล้านบาท และจะเติบโตต่อเนื่องตามสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้น
ข้อมูลของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ณ วันที่31 ธันวาคม 2564 พบว่า ประเทศไทยมีประชากรจำนวน 66,171,439 คน จำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ (อายุตั้งแต่ 60-150 ปี) จำนวนทั้งสิ้น12,241,542 คน หรือ 18.50% แบ่งเป็นเพศชาย 5,424,781 คน เพศหญิง 6,816,761 คนกรุงเทพมหานคร มีจำนวนประชากรผู้สูงอายุสูงสุด 1,171,900 คน รองลงมา คือ นครราชสีมา 495,452 คน เชียงใหม่ 379,118 คน ขอนแก่น 340,855 คน และ อุบลราชธานี 303,720 คน
จากข้อมูลข้างต้นชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีแนวโน้มจะเกิดโรคต่างๆ และต้องการการดูแลที่มากกว่าวัยอื่นๆ ดังนั้น ความต้องการธุรกิจด้านการบริการและสุขภาพจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน” รมช.พาณิชย์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี