นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยหรือจีดีพี ปี 2565 อยู่ในกรอบ 3-3.5% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 2.75-3.5% มูลค่าการส่งออกคาดจะขยายตัวได้ในกรอบ 7-8% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 6-8% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดอยู่ในกรอบ 6-6.5% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 5.5-7%
การปรับเพิ่มประมาณการดังกล่าวเนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้อานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับสูงขึ้นกว่าที่คาด โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 1.17 ล้านคน และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2565 มีโอกาสแตะระดับ 9-10 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจ้างงานและรายได้แรงงาน ส่งเสริมอุปสงค์ภายในประเทศให้ทยอยฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงต่อกำลังซื้อของครัวเรือน และความเสี่ยงต่อรายได้ภาคเกษตรจากภาวะน้ำท่วม
“ภาคเอกชนมีความห่วงใยสถานการณ์น้ำท่วมปีนี้ ซึ่งคาดการณ์ความเสียหายรวมทั้งประเทศประมาณ 5,000-10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะโซนเมืองในหลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังเนื่องจากเป็นพื้นที่เศรษฐกิจกระทบต่อความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพของประชาชน รวมถึงภาคการเกษตรยังได้รับผลกระทบบ้างในพื้นที่เพาะปลูกข้าว แต่โดยรวมยังไม่กระทบภาพรวมเศรษฐกิจมากนัก ส่วนผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมผู้ประกอบการยังมีความมั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับความเสี่ยงด้านอุทกภัยได้” นายสนั่นกล่าว
นอกจากนี้ กกร.ยังประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยืนอยู่ในระดับสูง แม้ราคาน้ำมันตลาดโลกจะลดลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นปัจจัยกดดันต้นทุนของผู้ประกอบการที่จะต้องส่งผ่านไปยังราคาสินค้าและบริการต่อไป เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าปรับตัวสูงขึ้นจากเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศยังไม่สามารถลดลงได้มากนัก และค่าไฟฟ้ามีการปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน อีกทั้งยังมีการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำด้วย
ขณะเดียวกัน ยังมีแรงกดดันจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวที่ชัดเจนมากกว่าที่คาด จากผลกระทบของสงครามและปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะปัญหาจากการโจมตีท่อส่งและการระงับส่งก๊าซของรัสเซียซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อวิกฤตพลังงานและความเสี่ยงการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจจีนยังเผชิญข้อจำกัดจากปัญหาการขาดแคลนพลังงานและการล็อกดาวน์ ขณะที่สถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ธนาคารกลางหลายแห่งเดินหน้าดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด สวนทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ปัจจัยหล่านี้อาจกระทบการส่งออกของไทยได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี