นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบท่าทีไทย สำหรับการประชุมกรอบความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสิงคโปร์ (Singapore-Thailand Enhanced Economic Relationship : STEER) ครั้งที่ 6 โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมในวันที่ 12 ตุลาคม 2565ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่อให้คณะผู้แทนไทย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานร่วมฝ่ายไทย ใช้เป็นกรอบในการหารือกับฝ่ายสิงคโปร์
ทั้งนี้ การประชุม STEER ครั้งที่ 6 นี้ มุ่งหารือการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนในธุรกิจ BCG การส่งเสริมความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยได้กำหนดท่าทีในการประชุมไว้ดังนี้ 1.ด้านสินค้าเกษตร มุ่งแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า และอำนวยความสะดวกในการส่งออกและนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหาร ระหว่างไทยกับสิงคโปร์ โดยไทยต้องการส่งออกไข่ออร์แกนิกและไข่นกกระทาเพิ่มเติม และเพิ่มการส่งออกสัตว์ปีกสดแช่แข็ง สัตว์ปีกปรุงสุก เนื้อหมูสดแช่แข็งและแช่เย็น ไข่ไก่ รังนกตากแห้ง ข้าว สินค้าเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น 2. ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) และการคุ้มครองผู้บริโภคออนไลน์
3.ด้านการลงทุน มุ่งเชิญชวนนักลงทุนสิงคโปร์เข้ามาลงทุนในเขต EEC การพัฒนาโครงข่ายทางถนน ท่าเรือสำราญ พื้นที่อุตสาหกรรมการบิน และการ
ซ่อมบำรุงชิ้นส่วนอากาศยาน รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนในธุรกิจ BCG4.ด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า พัฒนาความร่วมมือของกรมศุลกากรไทยและสิงคโปร์ 5.ด้านการท่องเที่ยว หารือการจัดตั้งคณะทำงานด้านการท่องเที่ยวทางเรือสำราญ 6.ด้านการบิน ติดตามความคืบหน้าความร่วมมือด้านการบิน เช่น การเพิ่มสิทธิการบิน ปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบิน เป็นต้น 7.ด้านทรัพย์สินทางปัญญา พิจารณาจัดทำบันทึกความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา แผนการดำเนินงานในปี 2566-2567 8.ความร่วมมือสาขาใหม่ แนวทางส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานและด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“ประโยชน์จากการประชุม STEER ครั้งนี้ เพื่อขยายโอกาสการส่งออกสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าปศุสัตว์ การเชิญชวนให้สิงคโปร์ขยายการลงทุนในอุตสาหกรรม
เป้าหมายของไทย ซึ่งปัจจุบันสิงคโปร์เป็นคู่ค้าอันดับ 8 ของไทย และเป็นอันดับ 4 ของไทยในกลุ่มอาเซียนรองจากมาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย กระทรวงพาณิชย์ เตรียมจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจคู่ขนานกับการประชุมดังกล่าว เพื่อสร้างเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยและสิงคโปร์” นางสาวรัชดา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าปัจจุบันสิงคโปร์เป็นคู่ค้าอันดับ 4ของไทยในอาเซียน ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. 2565 การค้าระหว่างไทยกับสิงคโปร์ มีมูลค่า 436,110.42 ล้านบาท โดยไทยส่งออกมูลค่า 241,725.34 ล้านบาท (+34.9%) และไทยนำเข้ามูลค่า 194,385.08 ล้านบาท (+27.9%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สินค้าส่งออกและนำเข้าสำคัญ อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ส่วนสินค้าเกษตรที่ไทยส่งออกไปสิงคโปร์ อาทิ ไก่แปรรูป เครื่องดื่มและข้าว
ทั้งนี้ นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน ที่ผ่านมา โดยได้หารือกับ ดร.ตัน ซี เหล็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ซึ่งได้เห็นพ้องจะกระชับความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีในการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร อาทิ ผลิตภัณฑ์นม ข้าว และผลไม้ ซึ่งไทยมีศักยภาพการผลิตและส่งออก รวมทั้งแนวโน้มความนิยมอาหารเพื่อสุขภาพที่เพิ่มขึ้นของสิงคโปร์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี