ชาวสวนชุมพรปลื้ม! "จุรินทร์"ควง"สินิตย์"รุกสร้างเงินให้มังคุดใต้ปีหน้า นำเอกชนทำสัญญาซื้อล่วงหน้า 4,000 ตัน เพิ่มราคาให้ 20%
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 14 ตุลาคม 2565 ที่ อ.เมือง จ.ชุมพร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดกิจกรรม พาณิชย์เดินหน้าอมก๋อยโมเดล@ชุมพร สินค้ามังคุด และเป็นประธานสักขีพยานพิธีลงนามสัญญาข้อตกลงมาตรฐานของกรมการค้าภายใน การซื้อขายมังคุด และพบปะเกษตรกร โดยการประสานงานของนายสราวุธ อ่อนละมัย ส.ส.จังหวัดชุมพร เขต 2 และมีนางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ ผู้ตรวจราชการรักษาการรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน และนายกองเอกพุทธ กฤชคงพันธุ์รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เข้าร่วมด้วยที่วิสาหกิจชุมชนมังคุดคุณภาพวังใหม่
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ถือโอกาสมาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรคนชุมพรที่ปลูกมังคุด ช่วง 2 ปีมานี้ถือเป็นยุคทองของเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ทั่วทั้งประเทศ เพราะราคาผลไม้ในภาพรวมดีมาก โดยเฉพาะ 2 ตัวสำคัญ เช่น 1.ทุเรียน 2.มังคุด แต่บางช่วงราคาตกเพราะผลผลิตออกมาก ที่จังหวัดชุมพรปลูกมากคือ ทุเรียนและมังคุด สำหรับทุเรียนปีที่แล้วราคาเฉลี่ยทั้งประเทศ หมอนทองเกรดส่งออกเฉลี่ย 145 บาท/กก.มังคุดเกรดส่งออกเฉลี่ย 60 บาท/กก. มังคุดเกรดคละเฉลี่ย 37 บาท/กก. เงาะโรงเรียน เฉลี่ย 25.50 บาท/กก. ภาพรวมถือว่าราคาผลไม้ทั้งประเทศถือว่าดีมาก ปีนี้เป็นห่วงว่าจะส่งออกได้ไหมเพราะตลาดจีนมีปัญหาเรื่องด่าน สุดท้ายราคาไม่ตกเพราะกระทรวงพาณิชย์กระทรวงเกษตรฯจับมือภายใต้วิสัยทัศน์ "เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด" ประชุมผู้ส่งออก และโลจิสติกส์เปลี่ยนระบบการขนส่งจากเดิมที่ส่งออกทางบกเป็นหลักเป็นทางเรือแทน ทำให้ผลไม้ไทยสามารถส่งออกไปจีนได้ ซึ่งปีนี้ประสบความสำเร็จราคาผลไม้ดีมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมาตรการทำงานเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯจับมือกันประสบความสำเร็จ และปีนี้จะใช้โมเดลนี้เดินหน้าต่อ ไม่ให้ผู้ปลูกผลไม้เดือดร้อน ซึ่งอยากให้ปีหน้าดีกว่าปีนี้ ซึ่งพี่น้องต้องช่วยทำผลไม้ที่มีคุณภาพ ไม่เช่นนั้นจะเสียชื่อทั้งหมด ต้องรักษาคุณภาพ ซื่อสัตย์กับตัวเองและลูกค้า ซึ่งตนมั่นใจว่าถ้าทำได้ เราช่วยพี่น้องได้
สำหรับกิจกรรมวันนี้เราเรียกว่า "อมก๋อยโมเดล" ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนคิดขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นที่ตนไปใช้ยุทธศาสตร์ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าระหว่างเกษตรกรกับบริษัท ห้างสรรพสินค้า ผู้ส่งออกให้เซ็นสัญญาในปริมาณที่ตกลงในราคาล่วงหน้า ซื้อไม่ต่ำกว่าที่กำหนด เมื่อถึงเวลาทั้ง 2 ฝ่ายรักษาสัญญา ตามราคาที่ตกลงกัน ซึ่งรับรองโดยพระราชบัญญัติระบบเกษตรพันธสัญญา
"โดยวันนี้ผมพาเกษตรกรกลุ่มมังคุดวังใหม่ 2 กลุ่ม และผู้ซื้อจาก 5 บริษัทใหญ่ โดยกรมการค้าภายในเป็นผู้ดำเนินการ 5 บริษัท ได้แก่ 1.ตลาดมรกต จ.ชุมพร 2.มาตาเทรดดิ้ง 3.วินเทคซาวด์ 4.เอ็มทีฟรุ๊ตแลนด์ และ 5.เรดเลม่อน โดยปีหน้าคาดว่ามังคุดจังหวัดชุมพรจะผลิตได้ประมาณ 10,000 ตัน วันนี้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแล้ว 4,000 ตันเท่ากับ 40% ของผลผลิตมังคุดชุมพรทั้งปี อีก 60% จะดึงราคาตลาดได้ เกษตรกรชาวสวนมังคุดชุมพรมีหลักประกัน ราคาจะสูงกว่าราคาเฉลี่ยปี 2565 ประมาณ 20% โดยประมาณ มังคุดเกรดผิวมันปี 2565 ราคาเฉลี่ย 35-50 บาท/กก. แต่ราคาที่เซ็นสัญญาเฉลี่ย 45-60 บาท/กก. เพิ่มขึ้นประมาณ 20% มังคุดเกรดคละปีนี้ราคาเฉลี่ย 25-30 บาท/กก. แต่ราคาที่เซ็นสัญญารับซื้อปีหน้า 25-35 บาท/กก. เฉลี่ยทั้ง มังคุดผิวมันและเกรดคละเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ของราคาเฉลี่ย จะมาช่วยสร้างหลักประกันสร้างเงินให้กับพี่น้องชาวสวนมังคุดภาคใต้สำหรับอนาคตปีหน้า" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายจุรินทร์ลงพื้นที่ได้มีชาวสวนมังคุดจังหวัดชุมพรมารอต้อนรับ ขอบคุณที่มาช่วยชาวสวนมังคุดให้มีความมั่นใจและมีรายได้ และมีชาวชุมพร ขอถ่ายรูปคู่กับนายจุรินทร์เป็นจำนวนมาก บางส่วนกล่าวว่าดีใจมากที่ได้เจอตัวจริง ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างเป็นกันเอง และกรมการค้าภายในได้มอบกล่องบรรจุผลไม้จำนวน 15,000 กล่อง เพื่อให้ส่งผลไม้ผ่านบริษัทไปรษณีย์ไทยฟรี ให้กับจังหวัดชุมพรด้วย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี