จับตาเคาะควบรวมทรู-ดีแทค ‘ธนาธร’โผล่ร่วมวงค้านแหลกหวั่นผูกขาด
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 20 ตุลาคม 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีการประชุมพิจารณาวาระการรายงาน การรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC
บรรยากาศที่สำนักงาน กสทช. มีกลุ่มเครือข่ายภาคประชาสังคม และประชาชนคนใช้มือถือจำนวนหนึ่ง เดินทางมาเฝ้าสังเกตการณ์การประชุมครั้งนี้ ตามการประกาศนัดหมายของสภาองค์กรของผู้บริโภค เพื่อรอฟังคำตอบคณะกรรมการ กสทช. ว่าจะมีมติอย่างไร พร้อมแสดงจุดยืนชัดเจนโดยการชูป้ายข้อความและยื่นหนังสือคัดค้าน ไม่เห็นด้วยกับการควบรวมทั้ง 2 กิจการ เนื่องจากมองว่าหากคณะกรรมการ กสทช. มีมติให้ควบรวมจริง หวั่นใจว่าจะเป็นการผูกขาดทางการค้า เป็นการผลักภาระมาให้ประชาชนผู้ใช้บริการรับผิดชอบ เพราะเป็นการผูกขาดกิจการประเภทโทรคมนาคม ซึ่งจะทำให้การแข่งขันทางการตลาด ค่าบริการแพงขึ้น และทางเลือกของผู้บริโภคจะลดลง จากเดิมที่มีน้อยอยู่แล้วแค่ 3 รายเท่านั้น ซึ่งบรรยากาศโดยรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางซื่อ มาดูแลเรื่องการจัดการจราจรและดูแลความเรียบร้อยบริเวณโดยรอบ
ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรือง ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วยนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เดินทางไปร่วมสังเกตการณ์การลงมติควบรวมทรู-ดีแทคครั้งนี้
นายธนาธร กล่าวว่า การมารวมตัวกันเพราะมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการควบรวมกิจการในครั้งนี้ เพราะทำให้ผู้เล่นเหลือน้อย ทำให้ค่าบริการแพงขึ้น การแข่งขันลดลง และคุณภาพต่ำลง ไม่ส่งผลดีกับประชาชนและผู้บริโภค ยืนยันพร้อมเคียงข้างประชาชนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ และส่งเสียงว่าไม่ต้องการเห็นการผูกขาดในธุรกิจโทรคมนาคม และอยากเห็นการแข่งขัน ที่จะนำไปสู่การให้บริการที่มีคุณภาพมากขึ้นและการแข่งขันที่นำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ใหม่ และการแข่งขันที่นำไปสู่ราคาที่ถูกลงสำหรับการเข้าถึงของประชาชนทุกชนชั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการควบรวมธุรกิจเกิดขั้นในวันนี้ จะเกิดการผูกขาดและส่งผลกระทบกับประชาชนอย่างไร นายธนธร ระบุว่า ปัจจุบันมีผลการวิจัยหลายชิ้น ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงจาก กสทช. เป็นผู้ศึกษา ได้บ่งชี้ให้เห็นว่าเมื่อมีการควบรวม แนวโน้มค่าบริการจะสูงขึ้น และคุณภาพต่ำลง จึงมองว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน คือ การมีโอกาสที่เงินในกระเป๋าจะลดน้อยลง เพราะปัจจุบันนี้คนใช้ดาต้าเพิ่มขึ้น จากการบริโภคข้อมูลข่าวสารผ่านระบบมือถือ ซึ่งคลื่นความถี่โทรคมนาคมมีความสำคัญมาก ดังนั้นผลกระทบที่ชัดเจน คือ ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น การเข้าไม่ถึงระบบอินเตอร์เน็ต คือ การไม่เข้าถึงโอกาส ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ดังนั้นหากค่าบริการแพงขึ้น คนจนจะมีโอกาสเข้าถึงความรู้ และโอกาสทางเศรษฐกิจได้น้อยลง
ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีหากมีการควบรวม จะทำให้โอกาสที่จะเกิดการแข่งขันทางตลาดมากขึ้น เนื่องจากจะทำให้ผู้ประกอบการมีความสามารถและศักยภาพในการแข่งขันที่ใกล้เคียงกัน ประชาชนจะได้ โอกาสจะได้รับผลดีจากการแข่งขัน นายธนธร ระบุว่า จากที่เห็นของต่างประเทศ พบว่า ผู้ประกอบการน้อยลง ก็มีโอกาสเกิดการผูกขาด และทำให้ราคาแพงขึ้น และในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่กว่าหรือเทียบเคียงประเทศไทย ไม่มีประเทศไหนที่มีผู้ประกอบการเพียง 2 รายเลย มั่นใจว่าการแข่งขันมีผู้ประกอบการ 3 ราย จะเหลือรายเดียวจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน และกรณีของประเทศไทยสามารถที่จะให้ รัฐบาลเดินทางหาผู้ซื้อรายใหม่ เข้ามาซื้อหุ้นของดีแทคแทนทรู ซึ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุด โดยไม่ต้องใช้กลไก ของ กสทช. ในการดำเนินการ แต่ให้รัฐผลักดันหาผู้ซื้อรายใหม่ซื้อหุ้นดีแทคเเทน
เมื่อถามว่ากรณีศึกษาของต่างชาติมาประกอบการพิจารณาของไทยสามารถเทียบเคียงกันได้หรือไม่นั้น นายธนธร ระบุว่า การนำผลการวิจัยจากต่างประเทศมาใช้กับการพิจารณาควบรวมของไทย ไม่ได้มีความแตกต่างกัน เนื่องจากเป็นเรื่องของการขายคลื่นความถี่ การลงทุนโครงข่ายพื้นฐาน และนำคลื่นความถี่มาแปลงเป็นค่าบริการ ดังนั้นหากพิจารณาถึงความเหมาะสมจะต้องนำกรณีศึกษาของประเทศอื่นๆมาเทียบเคียงด้วย
นายธนาธร ยืนยันว่า มติจากคณะกรรมการ กสทช. ในวันนี้มีความสำคัญสำหรับประเทศและอนาคต ไม่เฉพาะผู้บริโภค แต่ยังเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของประเทศ และสิทธิมนุษยชน และหาก กสทช. อนุมัติให้มีการควบรวมขึ้น ก็ต้องการเห็นมาตรการที่จะป้องกัน การฮั้วราคาและผูกขาดตลาด อาทิ การบังคับให้ต้องมี MVNO ที่มีสัดส่วนนัยยะสำคัญในตลาด โดยการนำคลื่นความถี่บางส่วนออกมาเปิดประมูลใหม่ และเป็นมาตรการทางโครงสร้างที่ป้องกันการขาดในอนาคต ส่วนตัวเชื่อว่า หากมีการควบรวมเหลือผู้ประกอบการ 2 รายในตลาด การจะเพิ่มผู้ประกอบการให้เห็น 3 ราย จะเป็นเรื่องที่ยาก และแทบจะเป็นไปไม่ได้ จึงมองว่าการไม่ให้เกิดการควบรวมจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม หากผลการประชุมมีการสรุปให้มีการควบรวมเกิดขึ้น หลังจากนี้จะต้องเกาะติดมาตรการที่ กสทช.จะวางไว้ ซึ่งเท่าที่ทราบจากการหารือมาตรการที่วางไว้จะเป็นมาตรการที่เบา ไม่เพียงพอให้เกิดผู้เล่น MVNO ในตลาดได้จริง ยืนยันว่ารับไม่ได้หากเกิดการควบรวม และไม่เห็นด้วยกับการควบรวมครั้งนี้
นายธนาธร กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าองค์กรทางธุรกิจมีเป้าหมายในการทำกำไรสูงสุด แต่ในกรณีมีผู้เล่นในตลาดเพียง 2 ราย กำไรสูงสุดจะไม่ได้มาจากการแข่งขัน แต่จะมาจากการไม่ลดราคา ตนขอเรียกร้อง กสทช. ว่าอย่าเห็นแก่ประโยชน์ของกลุ่มทุน ถึงเอกชนจะมีสิทธิเสรีภาพในการประกอบธุรกิจก็จริง แต่ กสทช. ก็มีหน้าที่ดูแลไม่ให้เสรีภาพนั้นไปทำร้ายประชาชนให้มีต้นทุนการใช้ชีวิตที่สูงขึ้นด้วย
ด้านนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข เลขานุการประจำประธานบอร์ด กสทช. โดยที่ผ่านมาสภาองค์กรของผู้บริโภค แสดงจุดยืนคัดค้านการควบรวม พร้อมเรียกร้องให้ กสทช.รักษาผลประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กสทช. ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 60 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ด้วยการไม่อนุญาตให้เกิดการควบรวม เนื่องจากเห็นว่าหากวิเคราะห์ตาม มาตรา 21 ในพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ปี 2549 จะพบว่าได้มีการแสดงเจตนารมณ์ทางกฎหมายอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้มีการผูกขาด หรือลดการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคมในธุรกิจประเภทเดียวกัน
ขณะเดียวกันได้มีตัวแทนผู้บริหารทรู เดินทางมาร่วมเฝ้าสังเกตการณ์การประชุมบอร์ด กสทช. ในครั้งนี้ด้วย พร้อมคาดการณ์ว่า บอร์ด กสทช. จะมีการลงมติว่าจะให้ ทรู - ดีแทค ควบรวมกิจการกันหรือไม่ เพราะมองว่าหากไม่มีการลงมติในวันนี้ คณะกรรมการ กสทช. จะมีความผิดตามกฎหมาย เพราะได้มีการเลื่อนการลงมติมาแล้วหลายครั้ง และปัจจุบันระยะเวลาเกิน 90 วัน ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี