การมาเยือนของฤดูหนาวในทวีปยุโรปทำให้วิกฤติพลังงานยิ่งทวีความรุนแรง ราคาพลังงานผันผวนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างความอบอุ่น สวนทางกับปริมาณการผลิตในตลาดโลกที่มีอยู่อย่างจำกัดทั้งผลพวงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการลดกำลังการผลิตน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรลต่อวันของกลุ่มโอเปกพลัสทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนทั่วโลกต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแสนแพงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากเวทีเสวนาหาทางออก ฝ่าวิกฤติ “พลังงานโลก” ทางรอด “พลังงานไทย” ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ โดยมีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน นางสาวสมฤดี พู่พรอเนก รองอธิบดีกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ และแพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ นักแสดง ร่วมถอดบทเรียนวิกฤติพลังงานแต่ละประเทศ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อวางแนวทางรับมือต่อวิกฤติที่เกิดขึ้น
สงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อสะเทือนทั่วโลก
นางสาวสมฤดี พู่พรอเนก รองอธิบดีกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ความขัดแย้งของรัสเซียและยูเครนกินเวลามานานกว่า 8 เดือน มีการโจมตีระบบสาธารณูปโภคด้านพลังงานเป็นระยะ ทำให้สถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วงและมีแนวโน้มยืดเยื้อต่อไป โดยการคว่ำบาตรรัสเซียที่ผ่านมาทำให้เกิดวิกฤติพลังงานไปทั่วโลก ปริมาณน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกลดลง ราคาพลังงานสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 2 ของโลก และส่งออกก๊าซธรรมชาติอันดับ 1 ของโลก ทำให้สหภาพยุโรป (อียู) ได้รับผลกระทบหนักกว่าภูมิภาคอื่น ๆ เพราะพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียสูงมาก โดยนำเข้าก๊าซธรรมชาติ 40% น้ำมัน 27% และถ่านหิน 46% คิดเป็นมูลค่าถึง 3,714 ล้านบาท
สหภาพยุโรปจึงต้องออกกฎหมายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤติพลังงานที่เกิดขึ้น เรียกว่าแผน RePower EU โดยตั้งเป้าลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียให้ได้ 2 ใน 3 ภายในปี 2565 ซึ่งล่าสุดเหลือการนำเข้าเพียง 20% เท่านั้น ควบคู่กับการสำรองก๊าซธรรมชาติให้ได้ 80% และเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในยุโรปให้ได้ 45% ภายในปี 2573 รวมถึงแสวงหาแหล่งพลังงานจากประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น นอร์เวย์ อียิปต์ อิสราเอล และอาเซอร์ไบจาน
สำหรับมาตรการช่วยเหลือประชาชน เช่น ช่วยเหลือค่าไฟฟ้า กำหนดเพดานราคาสูงสุดในการซื้อขายพลังงาน จัดเก็บเงินกองทุนจากบริษัทพลังงานที่เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงลดการใช้ไฟฟ้าโดยสมัครใจ 10% และดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม
ราคาพลังงานยังแพงถึงปีหน้า
ประเทศไทยถือเป็นประเทศนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศเป็นหลัก แม้จะมีการผลิตน้ำมันจากแหล่งบนบกในประเทศได้เอง แต่คิดเป็นสัดส่วนเพียง 8% เท่านั้นจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำมันของประเทศ จำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันดิบที่เหลือ 92% จากต่างประเทศ ส่วนก๊าซธรรมชาติสัดส่วน 70% ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าโดยต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากต่างประเทศมากถึง 38%
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคมนี้ น้ำมันดิบยังมีความต้องการใช้สูงขึ้นเพราะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวในต่างประเทศ ทำให้ราคาพลังงานในช่วงปลายปียังมีความเสี่ยงด้านราคา โดยประเมินว่าช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ราคา LNG จะปรับขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 40-50 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ขณะที่ราคา Spot LNG ในเดือนธันวาคม 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ 30 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ด้านมอร์แกนสแตนเลย์ (Morgan Stanley) ธนาคารชั้นนำระดับโลกของสหรัฐอเมริกาคาดการณ์ว่าในไตรมาส 2 ของปี 2566 ราคา LNG จะปรับขึ้นไปแตะ 50 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู
ไทยปรับแผนบริหารเชื้อเพลิง เร่งกำลังผลิตก๊าซฯ เพิ่ม
สำหรับประเทศไทยได้เตรียมมาตรการรับมือวิกฤติพลังงานในช่วงฤดูหนาวต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1 ของปี 2566 เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน 4 มาตรการ ได้แก่
ส่วนมาตรการช่วยเหลือประชาชนด้านพลังงาน อาทิ ส่วนลดค่า Ft สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน และ 500 หน่วยต่อเดือน ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคนละ 100 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (ต.ค. - ธ.ค. 65) ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2563 -2565 ใช้งบประมาณช่วยเหลือด้านพลังงานแล้วกว่า 2.4 แสนล้านบาท และให้ กฟผ. แบกรับภาระจากการชะลอปรับขึ้นค่าไฟฟ้ากว่า 1 แสนล้านบาท เช่นเดียวกับกองทุนน้ำมันฯ ที่ติดลบกว่า 1 แสนล้านบาท
พลังงานไม่ใช่ของถูก แนะเร่งมาตรการประหยัดแบบเข้มข้น
นอกจากการจัดหาพลังงานที่แสนยากลำบากและราคาพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เพียงต่อความต้องการของประเทศแล้ว รัฐบาลทั่วโลกยังขอให้ทุกภาคส่วนเร่งดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานแบบเข้มข้น อาทิ ประเทศฝรั่งเศสประกาศปิดหอไอเฟลเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง และปิดไฟป้ายโฆษณาตั้งแต่เวลา 01.00 – 06.00 น. ประเทศเยอรมนีจำกัดการเปิดเครื่องทำความร้อนที่อุณหภูมิ 19 องศาเซลเซียส และระงับการใช้ระบบทำความร้อนสำหรับสระว่ายน้ำส่วนตัว ส่วนที่ประเทศสเปนให้เปิดเครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 27 องศาเซลเซียส พร้อมขอความร่วมมือร้านค้าติดตั้งประตูล็อคอัตโนมัติเพื่อลดการทำงานระบบทำความร้อน
จากบทเรียนของประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรป นางสาวสมฤดี พู่พรอเนก รองอธิบดีกรมยุโรป แสดงทรรศนะไว้ว่า การที่รัฐบาลสนับสนุนค่าไฟฟ้าเป็นเรื่องดี แต่อาจต้องดูราคาที่เหมาะสมเพราะการให้ประชาชนจ่ายค่าไฟฟ้าหรือน้ำมันในราคาต่ำเกินไป ประชาชนอาจคิดว่าพลังงานเป็นของที่ไม่มีราคาแพง เพราะยังรู้สึกว่าสามารถจ่ายค่าพลังงานในราคานี้ได้และยังใช้พลังงานเหมือนปกติ
เช่นเดียวกับนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวย้ำว่า ภาครัฐได้งัดมาตรการเข้ามาดูแลผลกระทบราคาพลังงานอย่างเต็มที่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือ คนไทยทุกคนต้องตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า และต้องเริ่มประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง เพราะพลังงานจะไม่ใช่ของราคาถูกอีกต่อไป ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ปิดเมื่อไม่ใช้งาน การประหยัดพลังงานก็จะขยายจากบ้านสู่สาธารณะที่สำคัญสถานประกอบการขนาดใหญ่ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงงานที่มีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าปริมาณสูงต้องมุ่งเรื่องการประหยัดพลังงานอย่างจริงจังด้วย ก็จะช่วยประเทศประหยัดต้นทุนนำเข้าเชื้อเพลิงลงได้
ด้านแพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ นักแสดง ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในฐานะประชาชนผู้ใช้พลังงานที่ได้รับผลกระทบจากอัตราค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากในบ้านมีสมาชิกอยู่รวมกันหลายคนทำให้มีการใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างเยอะ แต่ละครัวเรือนจึงต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น โดยมองว่า การประหยัดพลังงานเป็นเรื่องใกล้ตัว ต้องเริ่มจาก “ตัวเรา” และสมาชิกในบ้านร่วมกันประหยัดพลังงาน เช่น ปิดสวิตช์ ถอดปลั๊กเมื่อเลิกใช้งาน ปิด-เปิดตู้เย็นเท่าที่จำเป็น เปิดหน้าต่างเพื่อรับลมธรรมชาติแทนการเปิดแอร์ และปลูกฝังให้เด็ก ๆ ตระหนักถึงการประหยัดพลังงานตั้งแต่ยังอายุน้อย นอกจากนี้การใช้เทคโนโลยีสื่อสังคมออนไลน์ในการสื่อสารสร้างความเข้าใจเรื่องการประหยัดพลังงานจะสามารถเข้าถึงเยาวชนและคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น
ในยามวิกฤติพลังงานยังคงอยู่ในสถานะสาหัส การปรับนิสัยการใช้ไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถทำได้ง่าย ๆ ตามแนวทาง 4 ป. คือ ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น ปลดปลั๊กเมื่อเลิกใช้งาน ปรับแอร์ 26 องศาเซลเซียส และเปลี่ยนมาใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ไม่เพียงช่วยชาติลดการใช้พลังงาน แต่ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของเราอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี