เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ที่กระทรวงคมนาคม นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษา รมว.คมนาคม พร้อมด้วย นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการ รมว.คมนาคม และ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ร่วมประชุมหารือกับผู้แทน 4 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย , สมาคมประสานงานรถรับจ้างสุวรรณภูมิ , สมาคมผู้ขับรถแท็กซี่สาธารณะ , สมาคมแท็กซี่ยานยนต์ไฟฟ้า และ บจก.โฮวา เพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการพิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารแท็กซี่มิเตอร์
นายวิรัช เปิดเผยว่า ขบ.ได้ชี้แจงแก่ที่ประชุมว่า การพิจารณากำหนดอัตราค่าโดยสารดังกล่าว เป็นการดำเนินการในรูปแบบของคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของหน่วยงานต่างๆ และได้รับฟังความเห็นอย่างรอบด้านจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค สำนักสภาองค์กรของผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ผู้แทนภาคประชาชน รวมถึงผู้แทนสหกรณ์แท็กซี่ต่างๆ
โดย ขบ.ขอให้ 4 สมาคมฯ รับอัตราค่าโดยสารที่ผ่านการพิจารณาของคณะทำงานฯ นี้ไปก่อน เพื่อให้สามารถไปสร้างรายได้เพิ่มขึ้นพอสมควร โดยประชาชนไม่ได้รับผลกระทบมากจนเกินไป ซึ่งท้ายที่สุดทางผู้แทน 4 สมาคมฯ ได้ยอมรับอัตราดังกล่าว จากนั้น ขบ.ได้รับที่จะจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม มีความเป็นสากล รวมถึงการจัดหาแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างของมิเตอร์แท็กซี่ให้มีความเหมาะสมกับปัจจุบันและเป็นสากล
ส่วนในขั้นต่อไป จะได้มีการออกประกาศกระทรวงคมนาคม เพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ใหม่ ก่อนเริ่มให้มีการจูนมิเตอร์ โดยผู้แทน 4 สมาคมฯ ขอให้ ขบ.ช่วยเหลือให้ค่าจูนมิเตอร์มีราคาที่เหมาะสม ไม่เป็นภาระแก่ผู้ขับรถแท็กซี่จนเกินไป พร้อมทั้งเตรียมพื้นที่ในการปรับจูนมิเตอร์ให้มีความคล่องตัวและรวดเร็วต่อไป
ด้าน นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี ขบ.กล่าวว่า ในมติที่ประชุมครั้งนี้ เห็นชอบแนวทางการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ตามที่ ขบ.และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เสนอว่า จะปรับอัตราค่าโดยสารในราคาที่เหมาะสมดังนี้
ระยะทาง 1 กม.แรก รถเล็ก 35 บาท รถใหญ่ 40 บาท
ระยะทาง 2 - 10 กม.รถเล็ก กม.ละ 6.5 บาท รถใหญ่ กม.ละ 6.5 บาท
ระยะทาง 11 - 20 รถเล็ก กม.ละ 7 บาท รถใหญ่ กม.ละ 7 บาท
ระยะทาง 21 - 40 กม.รถเล็ก กม.ละ 8 บาท รถใหญ่ กม.ละ 8 บาท
ระยะทางเกินกว่า 41 - 60 กม.รถเล็ก กม.ละ 8.5 บาท รถใหญ่ กม.ละ 8.5 บาท
ระยะทาง 61 - 80 กม.รถเล็ก กม.ละ 9 บาท รถใหญ่ กม.ละ 9 บาท
ระยะทาง 81 กม.ขึ้นไป รถใหญ่ กม.ละ 10.5 บาท รถใหญ่ กม.ละ 10.5 บาท
ค่ารถติด กรณีรถเคลื่อนที่ได้ช้ากว่า 6 กม./ชม. รถเล็ก 3 บาทต่อนาที รถใหญ่ 3 บาทต่อนาที
อย่างไรก็ตาม หลังจากประชุมครั้งนี้แล้ว ขบ.จะรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เห็นชอบมติผลประชุมครั้งนี้ ภายใน 1 - 2 สัปดาห์ หากได้รับความเห็นชอบแล้ว ต้องมีการประกาศกฎกระทรวงในการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ โดยมี รมว.คมนาคม เป็นผู้ลงนาม เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ในการปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ มีผลเฉพาะแท็กซี่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ที่อยู่ในระบบทั้งหมด 80,000 คัน จากที่ให้บริการจริงในปัจจุบัน 60,000 คัน โดยหลังจากมีมติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารแล้ว จำนวนรถแท็กซี่ที่มีอยู่ต้องนำมาปรับจูนมิเตอร์ค่าโดยสารใหม่ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดย ขบ.จะเตรียมพื้นที่รองรับจำนวนรถแท็กซี่ที่ดำเนินการปรับมิเตอร์ราคาใหม่ครั้งนี้ด้วย เพื่อความรวดเร็ว และลดแออัดในการดำเนินการ
นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า หลังจากปรับขึ้นค่าโดยสารแล้ว เน้นย้ำแท็กซี่ในเรื่องพัฒนาคุณภาพให้บริการที่ดี เช่น ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร หากพบว่ามีการกระทำผิดจะลงโทษตามกฎหมายขั้นสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบตัดแต้มใบอนุญาตขับรถ หรือหากมีการทำผิดซ้ำจะพักใช้ใบอนุญาตขับรถ 3 - 6 เดือน และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถแล้วแต่กรณี
ส่วนแท็กซี่ต่างจังหวัดในการปรับขึ้นค่าโดยสารนั้นสำนักงานขนส่งจังหวัดในพื้นที่ต่างๆ จะเป็นผู้พิจารณา เนื่องจากแท็กซี่ต่างจังหวัดมีอัตราค่าโดยสารที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดเมืองท่องเที่ยว เช่น เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ภูเก็ต มีอัตราค่าครองชีพสูงมาก ทำให้อัตราค่าโดยสารไม่เท่ากัน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี