NT ขาดทุนสะสมถึงปี 70 สาเหตุหลักมาจากธุรกิจมือถือ 3 คลื่นความถี่กำลังจะหมดสัญญาในปี 68 เตรียมเปิดแผนวิสาหกิจ ปี 2566-2570 ต้นปี66
14 พฤศจิกายน 2565 แหล่งข่าวระดับสูงจากคณะกรรมการ บริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ หรือ NT เปิดเผยว่า ภายหลังควบรวม ทีโอที กสทฯ เป็น NT ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.64 เกือบ 2 ปี ซึ่งยังคงมีสถานภาพเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยมีกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% ผลปรากฏว่าบริษัท ประสบภาวะการดำเนินงานขาดทุนสะสม โดยผลประกอบการของ NT เดือน สิงหาคม 2565 มีรายได้รวม 64,507 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวม (รวมต้นทุนทางการเงิน) 61,110 ล้านบาท ขาดทุน 3,397 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 3,383 ล้านบาท
แหล่งที่มาของรายได้ส่วนใหญ่มาจากการดำเนินงานของ 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน 6,295 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจระหว่างประเทศ 1,347 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจสื่อสารไร้สาย 37,084 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจดิจิทัล 2,542 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการที่ไม่ใช้โทรคมนาคม 11 ล้านบาท ผลตอบแทนทางการเงินและรายได้อื่นๆ 3,756 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานของ NT ณ เดือนสิงหาคม 2565 ที่มีรายได้ 64,507 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก พันธมิตร 35,352 ล้านบาท หรือคิดเป็น55% ของรายได้รวม และรายได้จากการดำเนินธุรกิจ NT 29,156 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45% ของรายได้รวม ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หลัก 3 อันดับแรก ได้แก่ รายได้กลุ่มธุรกิจโทรศัพท์ประจำที่ และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ 13,473 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46% อันดับสอง คือ รายได้กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน 6,295 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22% อันดับสาม คือ รายได้อื่นๆ (บริการโทรคมนาคมอื่น, การให้บริการอื่นที่ไม่ใช่โทรคมนาคม,รายได้จากการขาย, ผลตอบแทนทางการเงินและรายได้อื่น) 3,767 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13%
ทั้งนี้ NT มีค่าใช้จ่ายรวม 61,110 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าเช่าและค่าใช้สินทรัพย์ 27,605 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45% รองลงมา ค่าใช้จ่ายอื่นๆ และดอกเบี้ยจ่าย 11,737 ล้านบาท คิดเป็น 19% และ ค่าใช้จ่ายบุคลากร 10,470 ล้านบาท คิดเป็น 17% ซึ่งค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากการเกษียนอายุและการเกษียณก่อนอายุ (Early Retirement) ของพนักงาน และค่าเสื่อมราคาและรายจ่ายตัดบัญชีสินทรัพย์ 8,859 ล้านบาท อีก 14%
นอกจากนี้การประมาณการผลประกอบการปี 2566 NT จะขาดทุนสุทธิ 4,117.69 ล้านบาท โดยผลประกอบการจะเป็นบวกในปี 2571-2572 หากไม่รวมค่าใช้จ่ายโครงการ ER ปี 2566 ผลประกอบการจะกำไรสุทธิ 175 ล้านบาท และจะกลับมาขาดทุนในปี 2569-2570 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการหายไปของรายได้ธุรกิจบริการค้าส่งความจุในคลื่นความถี่โทรศัพท์เคลื่อนที่
อย่างไรก็ตามประมาณการรายได้ปี 2566-2572 จากสมมติฐานได้รวมรายได้โครงการให้บริการบนคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) และ 26 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) ที่ได้รับจากการประมูลคลื่นความถี่ เมื่อปี 2563 และรวมรายได้ ธังท์ โมบาย (Trunked Mobile) โครงการสำคัญ เน็ตประชารัฐ,USO,Big rock ไว้แล้ว
ขณะเดียวกันในปี 2568 ใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) คลื่นความถี่ 850,2100 และ 2300 MHz จะหมดอายุ NT จะไม่มีรายได้ในธุรกิจค่าส่งความจุในคลื่นความถี่ทั้ง 3 คลื่น ทำให้ประมาณการรายได้ภาพรวมคงเหลือเพียง 44,998.35 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2569
ทั้งนี้ทำให้ NT เตรียมปรับโครงสร้างบริษัท ให้สอดรับกับการดำเนินธุรกิจ แบ่งเป็น 16 สายงาน โดยมีพนักงานประมาณ 13,600 คน ลูกจ้างประมาณ 5,616 คน รวมทั้งสิ้น 19,216 คน และวางแผนวิสาหกิจ
อย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์ ภาวะเศรษฐกิจไทย และแนวนโยบายผู้ถือหุ้น ทำให้ NT กำหนดแผนวิสาหกิจของ NT พ.ศ.2566-2570 ซึ่งมีการกำหนดยุทธศาสตร์ ขององค์กรทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อเป็นการผลักดันแนวทางการดำเนินธุรกิจของ NT
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี