นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีนเอนเนอจี หรือAGE เปิดเผยถึงกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจ ในปี 2566ว่า บริษัทฯ ยังเดินหน้าหน้าขยายการดำเนินงานในธุรกิจหลักในกล่มธุรกิจถ่านหิน อย่างต่อเนื่อง เพราะดีมานด์การใช้ถ่านหินในภาคอุตสาหกรรม ยังเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากยังมองว่าต้นทุนการใช้ถ่านหินในการผลิตของภาคอุตสาหกรรมถูกกว่าการใช้พลังงานเชื้อเพลิงอื่นๆ ส่งผลให้บริษัท เดินเกมรุกในการขยายตลาดถ่านหินทั้งในถ่านหินทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับการขยายการให้บริการด้านการขนส่งในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ที่ยังคงมีความต้องการด้านการลงทุนสินค้าโดยเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ทางบริษัทมองว่าในปี 2566 ดีมานด์ในอุตสาหกรรมการขนส่งด้านโลจิสติกส์ยังคงเติบโตได้ดี ซึ่งการเติบโตดังกล่าวจะส่งผลเชิงบวกต่อการให้บริการของ AGE เช่นเดียวกันธุรกิจเทรดดิ้ง จากการจำหน่ายสินค้ามันสำปะหลังเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปีนี้จำนวน 80 ล้านบาท
สำหรับการขยายตัวของธุรกิจถ่านหินโดยหลักแล้วมาจากความต้องการใช้ถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังจากช่วง
โควิด ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาทยอยสั่งซื้อถ่านหิน เพื่อรองรับการผลิตสำหรับปี 2566 เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯตั้งเป้าปริมาณการขายถ่านหินในปี 2566 ไว้ที่ระดับ 5.2 ล้านตัน เพิ่มจากปี 2565ที่ประมาณการณ์ปริมาณการขายถ่านหินไว้ที่ 4.5 ล้านบาท
ส่วนการให้บริการ ขนส่งโลจิสติกส์(ขนส่งน้ำ-บก-คลังสินค้า) บริษัทฯมีแผนจัดซื้อรถบรรทุก เพิ่ม 22 คัน ซึ่งจะทยอยรับมอบในปีครึ่งปีแรกของปี 2566 จากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัท ตั้งเป้ารายได้เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 23,400 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจถ่านหิน 22,200 ล้านบาท ธุรกิจโลจิสติกส์ 800 ล้านบาท และธุรกิจเทรดดิ้งสินค้าเกษตร 400ล้านบาท
“จากปัจจัยความผันผวนของราคาถ่านหินที่ยังมีต่อเนื่องในปี 2566 ทำให้บริษัท เพิ่มศักยภาพด้านการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งบริหารจัดการความเสี่ยงของธุรกิจและความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่ผู้ร่วมตลาดทุนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุน ผู้ลงทุนสถาบัน และนักวิเคราะห์การลงทุน ให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance: ESG) มาใช้ประกอบการวิเคราะห์การลงทุน”
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เป็นการสอดรับกับแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ ได้เตรียมเงินลงทุนไว้ 140 ล้านบาท เพื่อใช้รองรับการขยายการลงทุนเพิ่ม อาทิ รถบรรทุกเพิ่ม 22 คัน มูลค่า 78 ล้านบาท ลงทุนโกดังเก็บสินค้ามูลค่า 50 ล้านบาท รวมถึงลงทุนในระบบบริหารจัดการเพิ่ม IT มูลค่า 10 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้บริการด้านโลจิสติกส์ในระยะยาว
ส่วนความคืบหน้าธุรกิจลิสซิ่งนั้น ล่าสุด ได้ส่งมอบรถบรรทุก ในโครงการ “เถ้าแก่น้อย” นำร่องเฟสที่ 1 จำนวน 7 ราย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นการสานฝันให้กับพนักงานขับรถที่อยากเป็นเจ้าของรถ โครงการดังกล่าวเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์การขยายธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ที่มุ่งหวังเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจครบทุกมิติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี