นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ารายได้กลับมาแตะระดับ 10,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับปี 2562 หรือก่อนเปิดเกิดโควิด-19โดยมีแผนที่จะทุ่มงบลงทุนประมาณ 800-1,000 ล้านบาท ในการขยายสาขาโรงภาพยนตร์มากถึง 13 สาขา 49 โรง โบว์ลิ่ง 3 สาขา 40 เลนและคาราโอเกะ 30 ห้อง รวมถึงปรับปรุงโรงภาพยนตร์สาขาเดิม และในส่วนอื่นๆ
นอกจากนี้ยังได้นำสุดยอดเทคโนโลยีล่าสุดของโลกภาพยนตร์มาให้บริการ ทั้งระบบ“IMAX with Laser” เป็นระบบการฉายภาพยนตร์ ผสมผสานการฉายภาพด้วยเลเซอร์ระดับ 4K, เปิดโรงภาพยนตร์“ScreenX PLF” ในรูปแบบ Premium Large Format แห่งใหม่ และลงทุนในเทคโนโลยี CAPSULE HOLOGRAM ส่วนธุรกิจป๊อปคอร์น ในปี 2566 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท จากการรุกขายนอกโรงภาพยนตร์ (Out Cinema)ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ในช่องทาง Delivery, Kiosks & Event, Modern Trade และ Major Mall
สำหรับในปี 2565 นี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณกว่า 7,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของรายได้ในปี 2562 ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 10,822.47 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายแล้ว ทำให้คนกลับมาเข้าโรงภาพยนตร์มากขึ้น ประกอบกับในไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่จะมาช่วยหนุนให้รายได้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้
ทั้งนี้ บริษัทมีโรงภาพยนตร์ที่เปิดให้บริการ ณ สิ้นปี 2565 รวม 180 สาขา 839 โรง 188,973 ที่นั่ง แบ่งเป็น ในประเทศ172 สาขา 800 โรง 180,081 ที่นั่ง (กรุงเทพฯและปริมณฑล 44 สาขา 346 โรง77,605 ที่นั่ง และต่างจังหวัด 128 สาขา 454 โรง 102,919 ที่นั่ง) ต่างประเทศ 8 สาขา 39 โรง 8,449 ที่นั่ง (สปป.ลาว 3 สาขา 13 โรง 3,235 ที่นั่ง และกัมพูชา 5 สาขา 26 โรง 5,368 ที่นั่ง) มีสาขาโบว์ลิ่ง บลูโอ ริธึม แอนด์ โบว์ล 8 สาขา 210 เลน คาราโอเกะ 121 ห้อง, ห้องแพลตินั่ม 9 ห้อง
นายวิชากล่าวว่า บริษัทยังมองภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยด้วยการเน้นการพัฒนาและสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ไทย หวังผลักดันให้มีส่วนแบ่งการตลาดภายในประเทศอยู่ที่ 50% โดยตั้งเป้าให้ภาพยนตร์ไทยเข้าฉายให้ได้ปีละ 20 เรื่อง เฉลี่ยเดือนละ 2 เรื่อง เพื่อให้ไทยก้าวสู่การเป็น King of Content Hub เนื่องจากหวังสร้างภาพยนตร์ไทยป้อนสู่ตลาดโลก พร้อมผลักวัฒนธรรมบันเทิงผ่านภาพยนตร์ ให้เกิด Soft Power นำรายได้เข้าสู่ประเทศผ่านเนื้อหาในภาพยนตร์ อาทิ ตัวละคร เครื่องแต่งกาย สถานที่ และอาหารไทย เพื่อเทียบชั้นเกาหลีใต้ที่ขึ้นเป็น Role Model ของอุตสาหกรรมบันเทิงโลก ซึ่งในที่สุดจะนำรายได้กลับสู่ไทย และทำให้ GDP เติบโตได้อย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี