nn พูดไม่ผิดว่าคนทั่วโลกรู้จักและกำลังหลงใหลในเสน่ห์และรสชาติของอาหารไทย...และตอนนี้อาหารไทยก็กำลังเป็นกระแสฟีเวอร์ซึ่งเป็นผลจากเวทีผู้นำเอเปกและคนดังในหลายวงการได้กล่าวถึงอาหารไทยในโลกโซเชี่ยล...!! ในขณะที่...เศรษฐศาสตร์วันหยุด...กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าอยากจะทำให้ปรากฏการณ์นี้มันยั่งยืนต่อไปไม่ใช่วูบวาบเพียงครู่แล้วจางไปเหมือนกับไฟไหม้ฟาง...ก็บังเอิญเหลือบไปเห็นข่าวชิ้นหนึ่งซึ่งรู้สึกยินดียิ่งนัก...ข่าวที่ว่าคือ...มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และ มูลนิธิเชฟแคร์ส ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โดยมีเป้าหมายเพื่อสืบสาน เผยแพร่ และต่อยอดมรดกวัฒนธรรมอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักไปไกลในเวทีโลกผ่านการส่งเสริมความรู้และสนับสนุนการค้นคว้าวิจัย ตลอดจนสร้างแหล่งความรู้ออนไลน์และส่งเสริมประสบการณ์เชิงสร้างสรรค์ ที่เป็นรูปธรรมในการผลักดันมรดกภูมิปัญญาอาหารไทยให้เป็นซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft power) สำคัญในการยกระดับและพัฒนาประเทศพร้อมแข่งขันในเวทีโลก
ในการนี้รองศาสตราจารย์ ดร.ชุติกาญจน์ ศรีวิบูลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กล่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีองค์ความรู้ทางด้านอาหารไทยชาววังตำรับ พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ผู้ที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลห้องพระเครื่องต้น ของเสวยคาวหวาน ในรัชกาลที่ 5 ซึ่งองค์ความรู้ดังกล่าวได้ตกทอดสู่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาจวบจนปัจจุบัน และได้ถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องนี้ให้แก่นักศึกษาหรือผู้ที่สนใจได้เรียนรู้ และขับเคลื่อนนโยบายในการสนับสนุน Soft Power และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย ซึ่งความร่วมมือกับมูลนิธิเชฟแคร์สในครั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยจะผลักดันและส่งเสริมการพัฒนาอาหารไทยชาววัง ไปสู่การพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรระยะสั้นและระยะยาว ให้มีการจัดการเรียนการสอนที่ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนและบุคคลภายนอกที่มีความสนใจในเรื่องอาหารไทยชาววัง อีกทั้งสนับสนุนให้มีการผลิตและเผยแพร่สื่อสร้างสรรค์ที่มีคุณค่า อันเป็นประโยชน์ต่อการเผยแพร่และต่อยอดมรดกวัฒนธรรมอาหารไทยให้ไปไกลถึงเวทีโลก ...ที่สำคัญความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยให้การบริการวิชาการพัฒนาหลักสูตร มุ่งเน้นทักษะวิชาชีพด้านอาหารไทยชาววัง ให้นักศึกษารวมไปถึงผู้ด้อยโอกาส ได้มีโอกาสเข้าถึงตำรับอาหารไทยชาววังด้วย
ขณะที่นางมาริษา เจียรวนนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิเชฟแคร์ส กล่าวว่า อาหารไทยถือเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ ที่มีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สำคัญในการในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดความยั่งยืนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรับอาหารชาววังที่ถือเป็นมรดกภูมิปัญญาอาหารไทยที่มีคุณค่าและควรสืบสาน ต่อยอดองค์ความรู้และวิจัยในการสร้างสรรค์เมนูอาหารที่มีรากมาจากตำรับอาหารไทยดั่งเดิมชาววังให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในขณะเดียวกันพันธกิจของมูลนิธิเชฟแคร์สที่สำคัญคือการส่งเสริมการศึกษา เผยแพร่องค์ความรู้ สื่อสารผลักดันอาหารไทยไปสู่เวทีโลก รวมถึงสร้างทรัพยากรทางบุคคลใหม่ๆ ในวงการธุรกิจอาหาร ดังนั้นความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาในครั้งนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างความร่วมมือทางด้านวิชาการและวิชาชีพเพื่อสืบสาน เผยแพร่ และต่อยอดมรดกวัฒนธรรมอาหารไทยให้ไปไกลถึงเวทีโลก
ความร่วมมือในครั้งนี้ ประกอบด้วย 3 ด้านหลักคือ 1.สนับสนุนด้านค้นคว้าวิจัย (Research) ผ่านความร่วมมือระหว่างนักวิชาการและนักวิชาชีพที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านอาหารไทยมาพัฒนาความรู้จากงานวิจัยไปปรับประยุกต์ใช้ต่อได้ เช่น การพัฒนาสูตรอาหารชาววังอย่างเมนูน้ำพริกลงเรือที่มีต้นตำรับเกิดขึ้นในรั้ววังสวนสุนันทาให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง 2. ส่งเสริมความรู้ด้านอาหารไทยผ่านการสอนและเผยแผ่องค์ความรู้จากการวิจัย (Teaching and Communications) ด้วยการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนที่นำเชฟชั้นนำระดับประเทศจากมูลนิธิเชฟแคร์สไปร่วมสอนในหลักสูตรที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา รวมไปถึงสร้างคลังความรู้ออนไลน์ในการเผยแพร่งานวิจัยในรูปแบบเว็บไซต์ “รสชาติไทย”ให้คนทั่วไปได้ศึกษาค้นคว้าตำรับตำราอาหารไทยที่ทรงคุณค่า และ 3.การสร้างประสบการณ์เชิงสร้างสรรค์ที่เป็นรูปธรรม (Experience and Activation) คือการร่วมพัฒนาและสร้างเมนูอาหารด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ทางด้านอาหารให้กับคนในสังคมต่อไปในอนาคต
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี