นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ที่มีนายณัฐพลรังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ได้จัดการประชุมเพื่อขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ในการดูแลชาวไร่ตลอดจนอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ รวมทั้งแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองที่เกิดจากการเผาอ้อยตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม
วาระหลักคือการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2564/2565 เฉลี่ยทั่วประเทศ ที่ราคา 1,106.40 บาท/ตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. เพิ่มขึ้นจากราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูกาลผลิตปี 2564/2565 ที่ราคา 1,070 บาท การกำหนดราคาดังกล่าวจะทำให้ชาวไร่อ้อยมีรายรับเพิ่มขึ้น 36.40 บาท/ตันอ้อย และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย ที่ราคา 474.17 บาท/ตันอ้อย การที่ชาวไร่มีรายได้เพิ่มขึ้นสามารถเพิ่มกำลังซื้อในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง ส่วนการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูกาลผลิตปี 2565/2566 อยู่ระหว่างการพิจารณาจากทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก่อนสรุปตัวเลขเสนอ กอน.ต่อไป
ทั้งนี้ที่ประชุม กอน. ได้เน้นย้ำถึงการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองของประเทศที่เกิดจากการเผาอ้อย โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้กำหนดเป้าหมายลดการเผาอ้อยในฤดูกาลผลิตปี 2565/2566 เป็น 0% โดยเน้นให้ชาวไร่และโรงงานน้ำตาลร่วมมือกับภาครัฐดำเนินการเพื่อคืนอากาศบริสุทธิ์ให้กับคนไทย อัปเดตล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 - 15 มกราคม 2566 พบว่ามีปริมาณอ้อยเข้าหีบแล้วกว่า 32 ล้านตันอ้อย และในจำนวนนี้เป็นอ้อยที่ถูกลักลอบเผากว่า 9.2 ล้านตันอ้อย หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 28.73%
“จากตัวเลขดังกล่าวถือเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างวิกฤต และสะท้อนชัดเจนว่ามีชาวไร่และโรงงานน้ำตาลจำนวนหนึ่งที่ไม่ให้ความร่วมมือ ดังนั้น กระทรวงจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกับเกษตรกรชาวไร่ที่ลักลอบเผา และโรงงานน้ำตาลที่สนับสนุนการเผา”นายภานุวัฒน์กล่าว
ข้อมูลลักลอบเผาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 15 มกราคม 2566 ยังพบว่ามี 5 จังหวัดที่เผาอ้อยสูงสุดคือนครราชสีมา 1.2 ล้านตัน อุดรธานี 0.78 ล้านตัน กาฬสินธุ์ 0.76 ล้านตัน ขอนแก่น 0.66 ล้านตัน และสุพรรณบุรี 0.57 ล้านตัน ตามลำดับ ขณะที่ 5 กลุ่มบริษัทที่รับอ้อยเผามากสุดคือกลุ่มบริษัทมิตรผล(7 โรง) 1.83 ล้านตัน กลุ่มบริษัทไทยรุ่งเรือง(10 โรง) 1.57 ล้านตัน กลุ่มบริษัทน้ำตาลขอนแก่น (5 โรง) 0.94 ล้านตัน กลุ่มบริษัทวังขนาย (4 โรง) 0.78ล้านตัน และกลุ่มบริษัทเอราวัณ (2 โรง) 0.57ล้านตัน ตามลำดับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี