วันเสาร์ ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
KKPงัดกลยุทธ์โตแบบระมัดระวัง  เน้นลูกค้าที่มีศักยภาพต่อยอดธุรกิจกลุ่ม

KKPงัดกลยุทธ์โตแบบระมัดระวัง เน้นลูกค้าที่มีศักยภาพต่อยอดธุรกิจกลุ่ม

วันพุธ ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag : KKP
  •  

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP เปิดเผยว่าสำนักวิจัยของกลุ่มธุรกิจฯ KKP Research วิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังมีความเสี่ยงจากเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขาขึ้น และเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างและอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพสินเชื่อ แผนธุรกิจสำหรับปี 2566 จึงเป็นการเติบโตแบบระมัดระวัง โดยขยายฐานลูกค้าที่มีศักยภาพและต่อยอดการเชื่อมโยงธุรกิจของกลุ่มฯ ผ่านการขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้อง (cross-selling) นอกจากนั้น กลุ่มธุรกิจฯ ยังมุ่งเดินหน้าใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการออมและการลงทุนดิจิทัลของกลุ่มอย่างเต็มศักยภาพ ทั้ง Dime (ไดม์) และ Edge (เอดจ์) ที่จะเปิดตัวในระยะต่อไป ปัจจุบัน แอปพลิเคชั่น Dime มีผู้ดาวน์โหลดแล้วกว่า 100,000 ราย และจะมีการจับมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อขยายฐานลูกค้าและพัฒนาฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น

สำหรับผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ในปี 2565 มีกำไรสุทธิ 7,602 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.3% จากปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ที่สินเชื่อรวมขยายตัวถึง 21.4% จากการขยายตัวในสินเชื่อทุกประเภท ด้านธุรกิจตลาดทุนยังคงความสามารถในการสร้างรายได้ที่ดี โดยธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ยังคงครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งของตลาด สำหรับธุรกิจการจัดการกองทุนก็มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจการลงทุนยังคงเติบโตได้ดีจากฝ่ายค้าหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Equity and Derivative Trading) ที่ทำกำไรได้ดีในสภาวะผันผวน ด้านวานิชธนกิจ มีรายได้ในระดับที่ดีจากธุรกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ขณะที่ธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล (Wealth Management) ปัจจุบันมีปริมาณทรัพย์สินภายใต้คำแนะนำ (Asset Under Advice, AUA) อยู่ที่กว่า 7 แสนล้านบาท


นายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทรกล่าวว่าปี 2565 เป็นปีที่ธนาคารมีผลประกอบการดีเป็นประวัติการณ์ โดยสินเชื่อขยายตัว 21.4% ในปี 2565 ส่งผลให้มีการเติบโตของทั้งรายได้จากดอกเบี้ย และจากค่าธรรมเนียม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจยังมีความเสี่ยง แนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 จึงยังคงเป็นการเติบโตแบบมีกลยุทธ์ (Smart Growth) หรือการเลือกขยายสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพและสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อบ้าน การเดินหน้าเจาะตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ของธนาคารคือ “รถเรียกเงิน” และการใช้ประโยชน์จากช่องทางดิจิทัลของธนาคารมากขึ้น ไม่ว่าแอป KKP Mobile หรือแอปของบริษัทในกลุ่มอย่าง Edge เพื่อเชื่อมโยงบริการของธนาคารเข้ากับบริการด้านการลงทุนที่เป็นความชำนาญของกลุ่มธุรกิจฯ

นายปรีชา เตชรุ่งชัยกุล ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่ากลุ่มธุรกิจฯ มีกำไรสุทธิ 7,602 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.3% และมีกำไรเบ็ดเสร็จ 10,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.2% จากปี 2564 โดยเป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน 758 ล้านบาท และเป็นกำไรเบ็ดเสร็จของธุรกิจตลาดทุน 1,077 ล้านบาท ส่วนการตั้งสำรองสำหรับปี 2565ยังอยู่ในระดับสูงโดยมีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ 154.4% นอกจากนี้ธนาคารมีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิรวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 19,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.5% ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 8,457 ล้านบาท ลดลง 1.0% จากปี 2564และธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งรวมกำไรถึงสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 16.26% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 จะเท่ากับ 12.88%

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) ปี 2566คาดการณ์อยู่ที่ 2.5-3.5% เนื่องจากการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและแรงส่งจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้นสะท้อนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น โดย สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)ประเมินว่าจากนโยบายจีนเปิดประเทศจะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นประมาณ 200,000-300,000 ล้านบาท ทำให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นและส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศที่แท้จริง(จีดีพี) ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.30% รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายช้อปดีมีคืน จากความต้องการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ต้องเฝ้าระวังและติดตามปัจจัยเสี่ยงจากราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง อุปสงค์สินค้าในตลาดโลกจากการที่ตลาดส่งออกสำคัญและคู่ค้าหลักมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะชะลอตัว และค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลต่อการส่งออกของไทยได้

นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสศอ. กล่าวว่าอุตสาหกรรมไทยปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวตามกระแสโลกและตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหารและเครื่องดื่มที่เกี่ยวกับสุขภาพ เครื่องปรับอากาศเทคโนโลยีสูง เม็ดพลาสติกชีวภาพ เภสัชภัณฑ์ สิ่งทอเทคนิค และยางล้อรถประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะบรรยากาศการเลือกตั้งในประเทศที่กำลังจะมีขึ้นช่วงกลางปีนี้ ยังเป็นปัจจัยหนุนการอุปโภคบริโภคในประเทศ การพิมพ์ สื่อโฆษณา เครื่องดื่ม เป็นต้น

“สศอ.อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลและปัจจัยต่างๆ รอบด้าน เพื่อประกอบการพิจารณาทบทวนประมาณการเอ็มพีไอปี 2566 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ให้ชัดเจนอีกครั้ง”นางวรวรรณกล่าว

ภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) ปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 98.32 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.62% อัตราการใช้กำลังการผลิตสะสมทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 62.61% เป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ภาพรวมการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม
(ไม่รวมทองคำ) ปี 2565 ขยายตัว 2.95% การนำเข้าสินค้าทุนปี 2565 ขยายตัว 2.48% และการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ปี 2565 ขยายตัว 6.43%

ดัชนีเอ็มพีไอเดือนธันวาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 93.89 ลดลง 8.19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ระดับ 102.26 อุตสาหกรรมหลักที่ขยายตัว ได้แก่ น้ำมันปาล์ม จากปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดจำนวนมากกว่าปีก่อน ยานยนต์ จากรถยนต์นั่งขนาดกลางและรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ตลาดส่งออกขยายตัว และน้ำมันปิโตรเลียมที่กลับมาผลิตได้อีกครั้ง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • KKP ชี้ไทยเสี่ยง Dutch Disease เงินบาทแข็งสวนปัจจัยพื้นฐาน ซ้ำเติมภาคการผลิตและส่งออก KKP ชี้ไทยเสี่ยง Dutch Disease เงินบาทแข็งสวนปัจจัยพื้นฐาน ซ้ำเติมภาคการผลิตและส่งออก
  • KKP คาด ยอดขาย-ราคา”อสังหาฯ ไทยซึมยาว KKP คาด ยอดขาย-ราคา”อสังหาฯ ไทยซึมยาว
  • KKP ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ  เน้นเสถียรภาพและคุณภาพสินเชื่อ KKP ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ เน้นเสถียรภาพและคุณภาพสินเชื่อ
  •  

Breaking News

'คุณหญิงสุดารัตน์'ประกาศยืนหยัดขอเป็นฝ่ายค้าน! มุ่งสร้างการเมืองสุจริต

สลด!หญิงวัย 35 ปีคว้าไม้ทุบชาย 61 ปีดับหน้าบ้านอ้างถูกขู่ยิงปัญญาปมที่ดิน

ประเทศเดียวในโลก! นักโกงเมืองไม่ต้องติดคุก จับตา! คำตัดสินศาลปกครองสูงสุด 22 พ.ค.

ตำรวจพัทลุงบุกทลายแหล่งมั่วสุมยาเสพติด รวบเจ้าของบ้านพร้อมของกลางอื้อ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved