นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.เปิดรับฟังความคิดเห็นการคำนวณค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที)เพื่อประกอบการพิจารณาปรับค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชน งวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 ใน 3 แนวทาง ประกอบด้วย กรณีที่ 1 ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มเป็น 6.72 บาท/หน่วย จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.72 บาท/หน่วย บนเงื่อนไขการจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ใน 1 งวด ค่าเอฟทีจะเรียกเก็บ 293.60 สตางค์/หน่วย เพื่อชดเชยต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง หรือต้นทุนคงค้างสะสมเดือนกันยายน 2564-ธันวาคม 2565 ของ กฟผ. ทั้งหมด 150,268 ล้านบาท
กรณีที่ 2 ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.84 บาท/หน่วย จาก 4.72 บาท/หน่วย บนเงื่อนไขจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างและที่เกิดขึ้นจริงให้ กฟผ. 5 งวด ซึ่งคาดว่าจะคงเหลือจากเดือนมกราคม-เมษายน 2566 จำนวน 136,686 ล้านบาท บางส่วน คิดเป็นงวดละ 27,337 ล้านบาท หรืองวดละ 41.88 สตางค์/หน่วย คิดเป็นค่าเอฟทีเรียกเก็บที่ 105.25 สตางค์/หน่วย โดย กฟผ.จะต้องบริหารภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงแทนประชาชน 109,349 ล้านบาท และจะได้รับเงินคืนครบภายในเดือนธันวาคม 2567
กรณีที่ 3 ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.77 บาท/หน่วย จาก4.72 บาท/หน่วย บนเงื่อนไขจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างใน 6 งวด เพื่อชดเชยต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง ที่คาดว่าจะคงเหลือจากเดือนมกราคม-เมษายน 2566 จำนวน 136,686 ล้านบาท บางส่วน คิดเป็นงวดละ 22,781ล้านบาท หรืองวดละ 34.90 สตางค์/หน่วยคิดเป็นค่าเอฟทีเรียกเก็บที่ 98.27 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่ง กฟผ.จะได้รับเงินคืนครบภายใน 2 ปี (กำหนดครบเดือนเมษายน 2568) โดย กฟผ.จะต้องบริหารภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงแทนประชาชน 113,905 ล้านบาท
“ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ากรณี 3 ทางเลือก ไม่มีแนวทางการคงค่าไฟไว้ที่ 4.72 บาท/หน่วย ตามที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตีและรมว.พลังงาน ให้นโยบายไว้นั้น เรื่องนี้เป็นการเปิดรับฟังความคิดเห็นตามขั้นตอน แต่ประชาชนสามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็นข้อเสนออัตราค่าไฟที่ต่ำกว่า 3 ทางเลือกดังกล่าวได้” นายคมกฤช กล่าว
โดยสำนักงาน กกพ.จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 ทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 10-20 มีนาคม 2566ก่อนจะมีการรวบรวมและสรุปข้อเสนอแนะต่างๆ นำเสนอให้บอร์ด กกพ.พิจารณาในวันที่ 22 มีนาคม 2566 และประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาค่าเอฟทีในงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 เป็นการประมาณการค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น โดยอ้างอิงจากข้อมูลจริงเฉลี่ยในเดือนมกราคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกอยู่ในช่วงขาลง ปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยทยอยเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ กกพ.จะรับฟังความเห็นการทยอยคืนภาระค่าต้นทุนคงค้างให้กับ กฟผ. โดยยังคงสามารถรักษาระดับค่าไฟฟ้าในอัตราที่เหมาะสม เพื่อให้ กฟผ.มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น พร้อมรองรับสถานการณ์พลังงานโลกและอัตราแลกเปลี่ยน ที่ยังคงมีความผันผวนอย่างรุนแรง จากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน จากสถานการณ์การกดดันจากประเทศมหาอำนาจในด้านต่างๆ บนเวทีโลก และจากความต้องการพลังงานที่จะเพิ่มมากขึ้นในช่วงปลายปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี