นายกำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากประเด็นความกังวลการแห่ถอนเงิน (Bank run) ในสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต้องออกมาตรการเพื่อจัดการคุ้มครองเงินฝากของธนาคารที่ถูกปิด และดูแลสภาพคล่องให้กับธนาคารที่จะมีปัญหานี้ในอนาคต โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ธนาคารขนาดกลางในสหรัฐฯประสบปัญหา คือ 1.โครงสร้างฐานลูกค้าที่มีการกระจุกตัว และ 2.การบริหารสินทรัพย์และหนี้สินที่ผิดพลาด โดย SCB CIO เชื่อว่าโอกาสที่จะลุกลามกลายเป็นวิกฤตทั้งระบบยังมีค่อนข้างน้อยเพราะส่วนใหญ่เป็นปัญหาเฉพาะตัว และ Fed ได้ออกมาจัดการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากเงินและช่วยสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์ได้ค่อนข้างเร็ว
ส่วนเสถียรภาพสถาบันการเงินในสวิตเซอร์แลนด์ SCB CIO ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ UBS ตกลงเข้าซื้อ Credit Suisse โดยมีธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ช่วยเหลือเรื่องสภาพคล่อง แต่หนึ่งในเงื่อนไขที่สร้างความประหลาดใจให้ตลาด คือ การที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ (FINMA) ได้มีคำสั่งให้ผู้ถือหน่วยตราสารที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 หรือ Additional Tier 1 (AT1) ซึ่งมีมูลค่า 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้องรับความเสียหายไปด้วย โดยมูลค่า AT1 ส่วนนี้กลายเป็นศูนย์ซึ่ง SCB CIO มองว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ จะช่วยลดความกังวลเสถียรภาพของระบบการเงินได้ในระดับหนึ่ง แต่น่าจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปต้องถือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากขึ้น และเข้มงวดขึ้นในการปล่อยสินเชื่อซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจมีการชะลอตัวได้มากขึ้นในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้ รูปแบบการเข้าช่วยเหลือ เป็นการเน้นรักษาเสถียรภาพระบบการเงินโดยรวม และดูแลผู้ฝากเงิน ขณะที่ผู้ถือหุ้น / AT1 ต้องรับความเสียหายด้วย เป็นมาตรการช่วยเหลือที่เห็นได้ ทั้งในกรณีสหรัฐฯ และสวิตเซอร์แลนด์ โดย SCB CIO เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ที่มีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและฐานทุน จะยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากการถูกประเมินอันดับและแนวโน้มความน่าเชื่อถือ และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นต่อไป ซึ่งจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังในการปล่อยกู้สินเชื่อมากขึ้น และน่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อ
อย่างไรก็ตาม จากความเสี่ยงเสถียรภาพสถาบันการเงิน จะทำให้ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มหยุดขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2 โดยในกรณีของ Fed จะนำประเด็นรอยร้าวที่เกิดขึ้นในระบบการเงิน (แม้จะมีการอุดรอยร้าวไปบ้างแล้ว) มาเป็นปัจจัยที่ใช้ตัดสินใจ เพราะในการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed นอกจากประเด็นเงินเฟ้อและการจ้างงานแล้ว Fed ต้องพิจารณาเสถียรภาพระบบการเงิน สถาบันการเงิน ระบบการชำระเงินและการคุ้มครองผู้บริโภคด้วย ทำให้ Fed น่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 25 bps.ในการประชุมเดือนพฤษภาคม โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุด (Terminal rate) จะอยู่ที่ 5.00%-5.25% และคงดอกเบี้ยไว้ระดับนี้จนถึงปลายปี 2566
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน SCB CIO ประเมินว่ายังเป็นโอกาสดีที่จะสะสมหุ้นกู้คุณภาพสูง (Positive) แม้อัตราเงินเฟ้อในช่วงสั้นจะยังอยู่ระดับสูง แต่ราคาพลังงานโลก
ที่ลดลงค่อนข้างเร็วน่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในไตรมาส 2 เริ่มมีสัญญาณชะลอลงเร็วขึ้น บวกกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของเสถียรภาพสถาบันการเงิน SCB CIO จึงคาดว่าFed รวมถึงธนาคารกลางหลักอื่นๆ จะเริ่มส่งสัญญาณการหยุดขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2 ทำให้ในช่วงนี้ยังเป็นจังหวะที่ยังทยอยสะสมหุ้นกู้คุณภาพดีได้ โดยเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ชะลอลง (จากราคาพลังงานที่ลดลง) รวมถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง (จากผลของการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง และการระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์) จะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและยาวลดลงช่วงครึ่งปีหลัง 2566
นอกจากนี้ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในเอเชีย (Asian REITs) ยังน่าสนใจ จากการเปิดประเทศของจีนและอาเซียน ส่งผลบวกต่ออัตราการเช่าและค่าเช่าในอนาคตของ REITs ทั้งในกลุ่มโรงแรม และพื้นที่เชิงพาณิชย์โดยเฉพาะในไทยและสิงคโปร์ ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการพึ่งพาเศรษฐกิจจีนค่อนข้างมาก ขณะที่การเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร โดยเฉพาะในกรณีของไทยเริ่มมีจำกัด ทำให้มูลค่าของ REITs ในไทยและสิงคโปร์น่าจะถูกกำหนดด้วยอัตราการเช่าและค่าเช่าที่ฟื้นตัวเป็นหลัก
ส่วนการลงทุนในหุ้น (Neutral) แม้มูลค่าเมื่อพิจารณาจากราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E ratio) มีความน่าสนใจมากขึ้นแต่ยังมีแรงกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่สูง และแนวโน้มกำไรเติบโตติดลบ จึงควรระมัดระวังกลุ่มที่มีภาระหนี้สูง ด้านผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ที่ออกมาล่าสุดจากตลาดหุ้นส่วนใหญ่ สะท้อนการหดตัวของอัตราการเติบโตกำไรบริษัทจดทะเบียน ทำให้เกิดความเสี่ยงกำไรเมื่อเทียบรายปีหดตัวติดต่อกัน2 ไตรมาส และการลดลงของจำนวนบริษัทที่มีกำไรดีกว่าคาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี