ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสม (1 มกราคม-12 เมษายน) 2566 พบว่านักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 4,262.30 ล้านบาทบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์)ขายสุทธิ 755.20 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 56,978.19 ล้านบาทนักลงทุนในประเทศ(รายย่อย) ซื้อสุทธิ 53,471.08 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นไทยปรับขึ้นจากสัปดาห์ก่อนแต่เผชิญแรงขายลดเสี่ยงก่อนหยุดยาว ทั้งนี้หุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อคืนหุ้นบิ๊กแคปในหลายอุตสาหกรรมหลังหุ้นไทยร่วงลงแรงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ที่มีแรงซื้อเข้ามาก่อนการประกาศงบไตรมาส 1/66 และก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD (ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้รับสิทธิปันผล) ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานยังมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี หุ้นไทยลดช่วงบวกลงช่วงกลางสัปดาห์ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ ขณะที่ปริมาณซื้อขายค่อนข้างเบาบาง อนึ่งกลุ่มนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยอีกครั้งหลังขายสุทธิติดต่อกันมาหลายสัปดาห์

วันทำการสุดท้าย (12 เมษายน 2566)ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,592.67 จุด เพิ่มขึ้น 0.99% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อนขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 39,071.41 ล้านบาท ลดลง 8.81% จากสัปดาห์ก่อนส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 3.71% มาปิดที่ระดับ 545.22 จุด

สำหรับสัปดาห์นี้ (17-21 เมษายน) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,575 และ 1,550 จุดขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,600 และ 1,630 จุดตามลำดับโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการงวดไตรมาส 1/66ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ไทยโดยเฉพาะกลุ่มแบงก์

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ได้แก่ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนมีนาคมดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนเมษายนรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมีนาคมของยูโรโซนและญี่ปุ่นดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนเมษายนของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/66 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมีนาคมของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีก