นายใบน้อย สุวรรณชาตรี อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมหรือดีพร้อม (DIPROM) เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องยกระดับศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในประเทศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลได้กำชับทุกฝ่ายให้เร่งดำเนินการ เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทย และเป็นหนึ่งในพันธกิจที่กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญ ภายใต้นโยบายของนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมเข้าสู่วิถีใหม่
จากนโยบายดังกล่าว ในปี 2566 ดีพร้อมได้มุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับธุรกิจภาคอุตสาหกรรมให้เติบโตด้วยกระบวนการทางธุรกิจที่เข้มข้น ผ่านนโยบาย
“ดีพร้อมโต โตได้ โตไว โตไกล โตให้ยั่งยืน”หนึ่งในนั้นคือ โตได้ (Start) ที่เน้นการส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่
หรือสตาร์ทอัพ (Startup) หนึ่งในฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจของประเทศ
ที่ผ่านมาดีพร้อมได้ติดอาวุธเพิ่มเติมทักษะการประกอบการ เพื่อให้เกิดโมเดลธุรกิจที่พร้อมต่อยอดกิจการและการเชื่อมโยงไปยังแหล่งเงินทุนคุณภาพ (CVC) ผ่านกิจกรรมเชื่อมโยงตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้นหรือดีพร้อม สตาร์ทอัพ คอนเน็ค ซึ่งปีนี้ ดำเนินกิจกรรมต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจโดยเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการ และอุตสาหกรรมสนับสนุนต่างๆ รวมถึงเป็นเวทีให้กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจเริ่มต้นได้นำเสนอนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจและสนองความต้องการของตลาด ตลอดจนสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน และส่งเสริมให้ธุรกิจขยายตลาดไปในต่างประเทศได้
ในปี 2566 กลุ่มเป้าหมายหลักของ ดีพร้อม สตาร์ทอัพ คอนเน็ค ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีเชิงลึก หรือดีพเทค หรือเทคโนโลยีทั่วไปที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อาทิ อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ การแพทย์ครบวงจรวัสดุชีวภาพ และพลังงาน โดยมีจุดเด่นที่มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมร่วม หรือ Co-Creation ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรเอกชนรายใหญ่ในการทดลองใช้นวัตกรรม หรือโซลูชั่นส์ในตลาดจริง อันจะเป็นการสร้างโอกาสในการขยายตลาดร่วมกันในอนาคตต่อไป
บริษัทเอกชนที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมเมื่อปีที่แล้วและเข้าร่วมต่อยอดในปีนี้ 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) บริษัท ปตท. บริษัทไทยคม และบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) นอกจากนี้ยังมีเข้าร่วมเพิ่ม 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท แมกซ์เวนเจอร์ส, บริษัท บางกอกอินดัสเทรียล แก๊ส และบริษัท ฮอนด้าเทรดดิ้ง เอเชีย คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 300 ล้านบาท และเชื่อมโยงสตาร์ทอัพ 25 กิจการ ไปยังแหล่งเงินทุนคุณภาพถัดไป
“ในปี 2565 มีผู้ประกอบการสตาร์ทอัพได้รับการคัดเลือก 17 บริษัท เพื่อนำเสนอโมเดลธุรกิจ เกิดการเจรจาจับคู่ธุรกิจร่วมลงทุนกว่า
176 ล้านบาท ขยายฐานลูกค้าและสร้างนวัตกรรมร่วมหรือ Co-Creation กว่า 76.5 ล้านบาท” นายใบน้อยกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี