นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานช่วง 3 เดือนแรกปี 2566 (เดือนมกราคม-มีนาคม 2566) อนุมัติสินเชื่อใหม่ 10,252 ล้านบาท เป็นวงเงินของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) 4,022 ล้านบาท สินเชื่อคงค้าง 161,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,947 ล้านบาท หรือ 7.27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการลงทุน 119,018 ล้านบาท กลไกสำคัญในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน โลจิสติกส์และภาคอุตสาหกรรมของประเทศ และสนับสนุนตามนโยบายภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy) และมียอดคงค้างสินเชื่อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 42,992 ล้านบาท คิดเป็น 27% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด
EXIM BANK ยังมุ่งทำหน้าที่เป็นธนาคารผู้นำสานพลังกับเครือข่ายพันธมิตร เพื่อนำพาธุรกิจไทยขยายการค้าการลงทุนไปตลาดต่างประเทศ ทำให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 มียอดคงค้างสินเชื่อโครงการระหว่างประเทศ 60,759 ล้านบาท เป็นสินเชื่อคงค้างในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และ New Frontiers ซึ่งเป็นตลาดสำคัญที่ EXIM BANK ให้การสนับสนุน 50,182 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 31% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด
นอกเหนือจากการให้สินเชื่อแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน EXIM BANK ยังเร่งเสริมสร้างความมั่นใจและภูมิคุ้มกันความเสี่ยงแก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยผ่านบริการประกันการส่งออกและการลงทุน โดยในช่วงไตรมาสแรกมีปริมาณธุรกิจด้านการรับประกันการส่งออกและการลงทุน 50,342 ล้านบาท
จากการมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการไทยทั้งด้านสินเชื่อและประกัน ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 มีจำนวนลูกค้า 6,191 ราย เพิ่มขึ้น 23.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นลูกค้า SMEs มากถึง 83.91% สะท้อนการให้ความสำคัญ SMEs ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดตัว “สินเชื่อ One SMEs” เงินทุนหมุนเวียนทั้งก่อนและหลังการส่งออก เพื่อลดระยะเวลาการทำสินเชื่อ SMEs และ “คลินิก EXIM เพื่อคนตัวเล็ก” เพื่อตรวจสุขภาพทางการเงินและให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญหาธุรกิจอย่างครบวงจร โดยมีผู้เข้ารับคำปรึกษา 670 ราย
นอกจากนี้ ยังออก “สินเชื่อ EXIM Green Start” พัฒนาธุรกิจที่เป็นมิตรและใส่ใจในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่ง EXIM BANK เป็นธนาคารแรกที่ได้เริ่มปรับใช้ Thailand Taxonomy กับสินเชื่อ โดยใช้ความเชี่ยวชาญของธนาคารในด้านการส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนทั้งมิติความรู้ โอกาสทางธุรกิจ และเงินทุน เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมั่นคงและเติบโตในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 ช่วยเหลือทั้งด้านการเงินและไม่ใช่การเงินแก่ผู้ประกอบการ24,000 ราย วงเงินรวมกว่า 91,200 ล้านบาท
ขณะเดียวกันให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทางการเงินเพื่อความยั่งยืน โดยมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 5,168 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 เท่ากับ 3.20% และมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) 13,151 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 254.45% ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 มีกำไรก่อนสำรอง 678 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 305 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี