นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2566 มีมติเห็นชอบการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงอีกลิตรละ 50 สตางค์ ส่งผลให้ราคาขายปลีกดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 32 บาท โดยราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลใหม่นี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2566 เป็นต้นไป ซึ่งการปรับลดครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือนพ.ค. 2566 หรือเป็นครั้งที่ 6 นับจากเดือนก.พ. ที่ผ่านมา รวมปรับลดลงไปแล้วลิตรละ 3 บาท

สำหรับสาเหตุการปรับลดครั้งนี้ เป็นผลมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตลาดโลกโดยเฉพาะน้ำมันดีเซลลดลง โดยตั้งแต่วันที่ 1 - 8 พ.ค. 2566 ราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 86.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 10.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซลเดือนเม.ย. 2566 อยู่ที่ 97.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มดีขึ้นมีฐานะติดลบต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาทแล้ว กบน. จึงเห็นควรปรับลดราคาขายปลีกดีเซลให้กับประชาชน ซึ่งนอกจากจะช่วยประคับประคองค่าครองชีพประชาชนแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดต้นทุนภาคขนส่งไม่ให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้นจนเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ความผันผวนของราคาน้ำมันยังคงมีหลากหลายปัจจัย โดยจะเห็นได้ว่ามีเหตุการณ์สำคัญๆ ด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงต้นเดือนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อหลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25%สู่ระดับ 5.00-5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2550 ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบลดลง แต่เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากบรรดานักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งในวันที่ 5 พ.ค. 2566 หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และหุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาคของสหรัฐฟื้นตัวขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นอีก

นายวิศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ต้องเฝ้าระวังปัจจัยรุมเร้ารอบด้าน อาทิ การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส ที่จะมีการประชุมวันที่ 4 มิ.ย. 2566, การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนหลังเปิดประเทศ ความผันผวนค่าเงินดอลลาร์ เป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป ทั้งนี้ หากจะให้ฝากถึงกลุ่มธุรกิจขนส่งต่าง ๆ ถึงกรณีที่เคยระบุว่า หากน้ำมันดีเซลปรับลดราคา ภาคขนส่งก็พร้อมจะปรับลดราคาค่าขนส่งเช่นกันนั้น ขณะนี้ ระบบโลจิสติกส์ในประเทศไทยถูกลง ภาคขนส่งก็ควรลดราคาให้ลูกค้าเช่นกัน ส่วนมาตรการลดภาษีน้ำมันลิตรละ 5 บาท ที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค. 2566 นั้น คงต้องรอดูนโยบายรัฐบาลใหม่

“ปัจจุบันระดับดีเซลตลาดโลกที่อ่อนค่า รวมถึง LPG ตลาดโลก(CP)อยู่ที่ 550 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่งผลให้การชดเชย LPG เหลือ 2.86 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายได้เข้าจากน้ำมันเฉลี่ยวันละ 553.20 ล้านบาทและ LPG วันละ 8.62 ล้านบาท รวมรายได้เข้ากองทุนฯ 17,764 ล้านบาทต่อเดือน หากการเก็บเงินยังอยู่ในอัตรานี้คาดว่ากองทุนน้ำมันฯ จะติดลบลดลงต่อเนื่อง” นายวิศักดิ์กล่าว

นายวิศักดิ์กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าวงเงินกู้ 1.5 แสนล้านบาท ที่กระทรวงการคลังค้ำเงินกู้ยืมให้ ปัจจุบันบรรจุเป็นหนี้สาธารณะของประเทศไปแล้ว 1.1 แสนล้านบาทซึ่งกองทุนน้ำมันฯ ดำเนินการกู้ยืมไปแล้วและจ่ายหนี้คู่ค้ามาตรา 7 ไปแล้ว 30,000 ล้านบาท และในเดือนพ.ค. 2566 นี้เงินกู้งวด 2 จะเข้าบัญชีอีก 20,000 ล้านบาทและอยู่ระหว่างกู้อีก 20,000 ล้านบาท คาดว่าจะเข้าบัญชีเดือนมิ.ย. 2566 ส่วนอีก 40,000 ล้านบาท จะทยอยทำการกู้ยืมตามสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ โดยก้อนที่เหลืออีก 40,000 ล้านบาทนั้น ยังไม่ได้บรรจุเป็นหนี้สาธารณะ จะต้องดูทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกและสถานะกองทุนน้ำมันฯอีกครั้ง แต่หากจะกู้เพิ่มจะต้องเสร็จสิ้นกระบวนการสิ้นเดือนก.ย. 2566 สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันที่ 7 พ.ค. 2566 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิติดลบ 79,327 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 32,581 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 46,746 ล้านบาท