นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน มีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากมีการจ้างงานถึงกว่า 8 แสนคน มีผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในซัพพลายเชนกว่า 3,000 บริษัท มีมูลค่าส่งออกกว่า 9 แสนล้านบาท เป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศไทย ดังนั้น การเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) หรืออีวีครั้งนี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญและมีความหมายอย่างมากต่อการสร้างความยั่งยืนของฐานการผลิตยานยนต์ในไทย โดยอีวีจะเป็นหัวจักรใหม่ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะยาว และยังช่วยลดปัญหามลพิษจากภาคการขนส่ง ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนอีกด้วย
การสร้างฐานอุตสาหกรรมอีวีถือเป็นนโยบายระดับประเทศที่หลายหน่วยงานมาร่วมกันผลักดัน ไม่ว่าจะเป็นบีโอไอกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน โดยไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคที่ออกมาตรการแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งการส่งเสริมผู้ผลิตและการสร้างตลาดในประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ตลาดอีวีในประเทศขยายตัวอย่างรวดเร็ว และมีบริษัทรถยนต์และชิ้นส่วนให้ความสนใจลงทุนตั้งฐานการผลิตเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีนักลงทุนรายสำคัญขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) แล้ว 14 ราย และยังคงมีแนวโน้มความสนใจจากบริษัทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
“แม้ว่าประเทศไทยจะประสบความสำเร็จด้วยดีในการขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในช่วงเริ่มต้นแต่ระยะต่อไปจะมีการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น ประเทศไทยยังจำเป็นต้องมีมาตรการสนับสนุน อีวีอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางการส่งเสริมอีวีของบีโอไอในระยะต่อไปจะมุ่งเน้น 3 กลยุทธ์สำคัญ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกอีวีระดับโลกให้ได้ ได้แก่ 1.เดินหน้าดึงบริษัทตั้งฐานผลิตอีวีอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสนับสนุนผู้ประกอบการรายเดิมให้เปลี่ยนผ่านมาสู่อีวี และดึงบริษัทรายใหม่ๆ เข้ามาลงทุนเพิ่มเติม 2.สร้างความเข้มแข็งให้ซัพพลายเชนในประเทศ โดยเฉพาะการผลิตแบตเตอรี่และชิ้นส่วนสำคัญของอีวี รวมทั้งการเสริมสร้างศักยภาพของ SMEs ไทยที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนใหม่ของอีวีด้วย และ 3. ส่งเสริมและพัฒนาระบบนิเวศของอีวี โดยเฉพาะในด้านสถานีชาร์จไฟฟ้า การพัฒนาบุคลากรทักษะสูง การปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ให้เอื้อต่อธุรกิจอีวี การจัดทำมาตรฐาน รวมทั้งการสร้างความเข้มแข็งของศูนย์ทดสอบ ศูนย์วิจัยและพัฒนา เพื่อรองรับการสร้างฐานอุตสาหกรรมอีวีที่ยั่งยืนในระยะยาว” นายนฤตม์ กล่าว
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้เป็นเจ้าภาพการประชุมผู้บริหารระดับสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์ จากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก (Regional Overseas Meeting) ที่กรุงเทพฯ โดยบีโอไอ ได้รับเชิญให้เป็นผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ มาร่วมพบปะและนำเสนอมาตรการของภาครัฐในที่ประชุมด้วย ซึ่งบีโอไอ ได้นำเสนอผู้บริหารเมอร์เซเดส-เบนซ์จากทั่วโลก ให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซัพพลายเชนที่ครบวงจร ศักยภาพการเติบโตของตลาดในประเทศ และมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ โดยผู้บริหารเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ให้ความสนใจซักถามหลายประเด็น โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านสถานีชาร์จไฟฟ้า ความพร้อมของระบบจัดหาพลังงานหมุนเวียนสำหรับภาคธุรกิจ ความต่อเนื่องของมาตรการสนับสนุน (EV3) และการใช้ประโยชน์จาก FTA ต่างๆ เพื่อให้ไทยเป็นฐานการส่งออกอีวีไปทั่วโลก
เร็วๆ นี้ บีโอไอเตรียมเดินสายโรดโชว์ ชักจูงการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ณ ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2566 เพื่อดึงนักลงทุนรายใหญ่มายังประเทศไทยคาดว่าจะเกิดการลงทุนในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้ารายใหม่จากเกาหลีใต้ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เป็นอีกตัวเลือกสำหรับผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี