น.ส.วิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 2566 นี้ คาดว่ายังมีทิศทางการเติบโตที่เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีความชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศให้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ GDP ปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องที่ระดับ 2.7-3.7% โดยหลักๆมาจากภาคท่องเที่ยวที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2566 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 28 ล้านคนส่งผลให้การบริโภคเติบโต 3-4% ต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวจากที่หดตัวในช่วงก่อนหน้า
สำหรับอัตราเงินเฟ้อของไทย ได้กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย หลังจากผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในช่วงปลายปี 2565 โดยในปี 2566 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 2.9% ตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง และมาตรการอุดหนุนด้านราคาพลังงานที่ยังมีออกมาต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่วนปัจจัยนอกประเทศนั้น ภาพรวมเศรษฐกิจโลกแม้ยังมีความไม่แน่นอนจากเงินเฟ้อในหลายประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง และการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางในหลายประเทศ แต่ IMF คาดการณ์การขยายตัว GDP โลกในปี 2566 อยู่ที่ 2.8% มาจาก
ตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่ง ช่วยหนุนการเติบโตของการบริโภคได้ และการเปิดประเทศของจีนสนับสนุนการฟื้นตัวกลุ่มเศรษฐกิจในเอเชีย
ในส่วนราคาน้ำมันในตลาดโลกมองว่ามีแนวโน้มปรับลดลง ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง ประมาณการราคาน้ำมันดิบ กลุ่มปตท. คาดว่า ปี 2566 จะอยู่ในช่วง 80-86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ด้านค่าเงินบาท มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์คาดการณ์กรอบเงินบาทอยู่ระหว่าง 32-34 บาทต่อดอลลาร์ในปี 2566 ท่ามกลางความผันผวนตามทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ยังลุ้นกันอยู่ และสถานการณ์การเงินโลกยังผันผวน จากปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังต้องติดตามสถานการณ์ความผันผวนของราคาน้ำมัน ซึ่งที่ผ่านมาปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบต่อธุรกิจบ้าง โดยในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ยังต้องติดตามภาวะความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยจะเป็นอย่างไร และปัญหาสงครามที่ดูแนวโน้มอาจยืดเยื้อ ส่วนด้านค่าแรงนั้น หากรัฐบาลใหม่มีการปรับขึ้นค่าแรงงาน ก็คงมีผลกระทบบ้าง แต่เชื่อว่ายังสามารถบริหารจัดการได้ โดยภาพรวมการจ้างานของบริษัทไม่ได้อยู่บนฐานของค่าแรงขั้นต่ำต่อวัน
สำหรับแผนงานขยายสถานีบริการน้ำมันในประเทศปี 2566 บริษัทยังดำเนินการขยายอย่างต่อเนื่องตามแผน ปกติจะขยายสถานีบริการ
น้ำมันเพิ่มปีละ 100 แห่ง แต่ปี 2566 จะไม่เร่งขยายและเน้นการขยายสถานีบริการน้ำมัน แต่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำรายได้มากกว่า โดยไตรมาสแรกปี 2566 ขยายไปแล้ว 5 แห่ง
น.ส.วิไลวรรณกล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2566 บริษัทมีรายได้ 197,414 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนตามปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แม้ราคาน้ำมันปรับลดลงและการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สนับสนุนธุรกิจค้าปลีกทั้งในและ
ต่างประเทศ แต่มีกำไรสุทธิ 2,975 ล้านบาท ลดลง 22.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากความผันผวนของราคาน้ำมันที่ผ่านมา ส่วนแนวโน้มค่าการตลาดกำหนดกรอบไว้ 0.7-1.3 บาท ในปี 2566 ขณะที่แนวโน้มในไตรมาส 2 ปี 2566 คาดจะดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2566 ซึ่งคาดว่าในไตมาส 2 ปี 2566 จะรักษาระดับค่าการตลาดไว้ที่ระดับ 1 บาท หรือมากกว่า 1 บาทได้หากในไตรมาส 2 ปี 2566 ราคาน้ำมันไม่ผันผวนมาก จะสามารถรักษาระดับสต๊อกเกรนหรือลอส ระดับ 100 ล้านบาท เช่นเดียวกับไตรมาสแรก ปี 2566 ที่ผ่านมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี