นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) เปิดเผยว่าปัจจัยสำคัญหนึ่งที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทย คือ “การลงทุนจากต่างประเทศ” สอดคล้องกับที่ธนาคารโลกได้ให้ข้อมูลไว้ว่า การลงทุนจากต่างประเทศมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุน เทคโนโลยี และตลาดใหม่ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มผลผลิตและความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่การขยายตัวของมูลค่าการส่งออกและการส่งออกสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น
สำหรับประเทศไทย โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) ถือว่าเป็นโครงการสำคัญหนึ่งของภาครัฐ ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2561 มีเป้าหมายเพื่อเป็นพื้นที่นำร่องพัฒนา 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (First S-Curve และ New S-Curve) โดยการดึงดูดการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการให้แรงจูงใจเพื่อดึงดูดการลงทุน และการอำนวยความสะดวกในการลงทุน
จากการดำเนินการที่ผ่านมา ทำให้ EEC เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทั่วโลก มีบรรยากาศการลงทุนที่เป็นมิตร จากแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมถึงการควบคุมจัดการการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ทำให้มีจำนวนการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2565 เพิ่มขึ้น 40.6%เป็น 637 โครงการ และมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 62.7%เป็น 358,830 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2566 จำนวนการขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น 92 โครงการ และมูลค่าเงินลงทุนมากถึง 90,305 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และยานยนต์และชิ้นส่วน
การลงทุนที่ขยายตัวในพื้นที่ EEC เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับมูลค่าส่งออกจากพื้นที่ EECที่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2561-2565) มูลค่าส่งออกจากพื้นที่ EEC ขยายตัวเฉลี่ย 5.5% ต่อปี มีส่วนสำคัญในการผลักดันการส่งออกในภาพรวมของประเทศ โดยมูลค่าส่งออกจากพื้นที่มีทิศทางเพิ่มต่อเนื่องคิดเป็น 1 ใน 4 ของมูลค่าส่งออกรวมทั้งประเทศ (เฉลี่ย23.3% ของมูลค่าส่งออกรวมทั้งประเทศ) และปี 2565การส่งออกจากพื้นที่ EEC มีมูลค่า 7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 24.4% ของมูลค่าส่งออกรวมทั้งประเทศ ขยายตัว 7.7% จากปีก่อน
สินค้าส่งออกสำคัญที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุดได้แก่ (1) แผงวงจรไฟฟ้า มูลค่า 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ(สัดส่วน 6.1% ของมูลค่าส่งออก EEC) ขยายตัว 10.3%(2) ยางยานพาหนะ มูลค่า 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ(สัดส่วน 6.0%) ขยายตัว 6.2%และ (3) เครื่องปรับอากาศ มูลค่า 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ (สัดส่วน4.8%) ขยายตัว 17.8%
ขณะที่ไตรมาสแรกของปี 2566 การส่งออกจากพื้นที่ EEC มีมูลค่า 1.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 25.5% ของมูลค่าส่งออกรวมทั้งประเทศ (มูลค่าส่งออกรวมทั้งประเทศ ไตรมาสแรกของปี 2566 อยู่ที่ 7.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) ขยายตัว 4.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สินค้าส่งออกสำคัญที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด คือ แผงวงจรไฟฟ้า มูลค่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (สัดส่วน 6.2% ของมูลค่าส่งออก EEC) คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งหรือ 48.6% ของมูลค่าส่งออกแผงวงจรไฟฟ้ารวมทั้งประเทศ ขยายตัว 6.2% (มูลค่าส่งออกแผงวงจรไฟฟ้ารวมทั้งประเทศ ไตรมาสแรกของปี 2566 อยู่ที่ 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ)
อีกทั้งยังส่งผลดีต่อการขยายตัวของชุมชนเมืองโดยรอบสะท้อนจากจำนวนนิติบุคคลในพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง (2561-2565)มีนิติบุคคลเพิ่มขึ้น 4.8% ต่อปี และไตรมาสแรกของปี 2566 เพิ่ม 33.09% ซึ่งมากกว่า 98% เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เข้ามาจัดตั้งธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการด้านที่อยู่อาศัยและภาคบริการอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติจะทำให้เกิดการจ้างงาน เชื่อมโยงไทยเข้ากับห่วงโซ่การผลิตของโลก ทำให้ไทยกลายเป็นประเทศส่งออกรายใหญ่ในเอเชีย แต่การจะพัฒนา EEC ให้เป็นประโยชน์อย่างยั่งยืน ยังมีประเด็นที่ควรมุ่งเน้น อาทิ การยกระดับทักษะแรงงานไทยในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และการสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือและมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศผู้ลงทุนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง รวมถึงเร่งรัดการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม นอกจากจะเป็นประโยชน์ในแง่ของการดึงดูดการลงทุนแล้ว ยังจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเมืองในพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้ชุมชนโดยรอบได้ประโยชน์ด้วย เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี