nn เมื่อประเทศไทยปลุกกระแสให้คนไทยหันมาใช้รถ EV เกิดกระแสการตื่นรู้ด้านความยั่งยืนทางพลังงาน จนสร้างปรากฏการณ์ต่อคิวซื้อข้ามคืนและมียอดจองพุ่งหลายพันคันภายในวันเดียว ก็ต้องบอกว่าถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดี แต่งานยังไม่จบเพราะก้าวต่อไปคือการเติมกระสุนนโยบายหล่อเลี้ยงโมเมนตัมอย่างต่อเนื่อง... คำถามว่าแล้วจะต้องทำยังไงต่อจากนี้...ก็ควรลองมาฟังความคิดเห็นจาก...คุณพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem …ซึ่งย้ำชัดว่าภาครัฐจำเป็นต้องปลดล็อกเงื่อนไขเพื่อขยายโอกาสให้คนไทยทุกคนได้ใช้ EV อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งปรับนโยบายด้านEV ให้เอื้อประโยชน์ต่อชีวิตคนไทย ครบทั้ง3 ด้าน คือ อากาศดี มีรายได้ ค่าใช้จ่ายลด
เขาบอกว่า...การจะเดินหน้าสร้างโมเมนตัมต่อไปได้ หน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) ที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศ EV หรือ EV Ecosystem อาจต้องกลับมาทบทวนกฎระเบียบและการสนับสนุนในปัจจุบันให้เอื้อกับผู้ประกอบการ เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้ EV ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 1.การปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน พิจารณากฎหมายที่อาจจะปิดกั้น EV เข้าสู่ตลาด เช่น ข้อกำหนดเรื่องรถแท็กซี่ต้องมีเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรขึ้นไป ขณะที่รถ EV ในปัจจุบันไม่มีเครื่องยนต์ ทำให้ไม่สามารถนำรถ EV มาเป็นแท็กซี่ได้
2.การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน (EV Infrastructure) ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้ EV และทำให้คนทุกกลุ่มเข้าถึง EV ได้ง่าย 3.การกระตุ้นให้เกิดผู้ใช้ EV ใหม่ อาจต้องพิจารณาสนับสนุนด้านภาษีหรือสิทธิประโยชน์ (Incentive) แก่ผู้ประกอบการ เช่น ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ที่นำรถ EV มาใช้เป็นครั้งแรก หรือมีอัตราค่าไฟฟ้าพิเศษ และ 4.การสร้างประโยชน์ต่อประเทศ พิจารณาประโยชน์จากการใช้ EV อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ การแข่งขันด้านต้นทุนการผลิต เป็นต้น
“การสนับสนุนกลุ่ม Commercial Fleets ทั้งในระบบขนส่งสาธารณะหรือโลจิสติกส์ จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ EV เข้าถึงคนไทยทุกกลุ่มได้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่ปัจจุบัน CommercialFleets เป็นกลุ่มที่ยังมีสัดส่วนการใช้ EV น้อย ด้วยข้อจำกัดทั้งด้านกฎหมายและด้านการลงทุนในระยะแรกเริ่ม”
หากจะกระตุ้นให้เกิดการใช้ EV ในประเทศ “ว่าที่รัฐบาลใหม่” จะต้องออกนโยบายช่วยเอื้อให้เกิด “อากาศดี มีรายได้ ค่าใช้จ่ายลด” โดยสนับสนุนการลงทุนที่จูงใจให้ผู้ประกอบการใหม่อยากลงทุน และผู้ประกอบการเดิมหันมาใช้ EV จึงเสนอแนวทางนโยบาย 4 ข้อได้แก่ 1. เปลี่ยนเงื่อนไขภาษีผู้ผลิต EVทยอยปลดล็อกเงื่อนไขยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตชิ้นส่วนและอะไหล่ให้กับบริษัทที่ผลิตรถ EV ภายในประเทศไทย เพิ่มจำนวนผู้ผลิตรถ EV ในตลาดให้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการผูกขาด กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันและพัฒนาขีดความสามารถของผู้ผลิตในประเทศ 2.ปั้นบุคลากรด้าน EV ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในประเทศให้มีความเชี่ยวชาญด้าน EV ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตรถ EV ไปจนถึงการซ่อมบำรุง
3.เปิดทางนโยบายลดต้นทุน กระตุ้นการเปลี่ยนผ่าน การลงทุนแรกเริ่มที่สูงทั้งค่ายานยนต์และอุปกรณ์ ทำให้ผู้ประกอบการ Commercial Fleets ยังไม่ตัดสินใจนำ EV เข้ามาใช้ในธุรกิจ การเปิดโอกาสให้ตลาดมีการแข่งขันหลายราย ผู้ให้บริการที่มีใบอนุญาตจะสามารถเข้าถึงรถบรรทุก-รถโดยสาร EV และ EV Infrastructure ที่มีประสิทธิภาพในต้นทุนที่เหมาะสมได้ อาทิ อุปกรณ์ชาร์จ EV หรือ EV Charger ที่มีกำลังไฟฟ้าสูงในราคาที่ถูกลง ดึงดูดให้ผู้ประกอบการเห็นโอกาสในการเข้ามาลงทุนและพัฒนาเครือข่ายขนส่งสาธารณะ EV กันมากขึ้น 4.ปลดล็อกค่าไฟ EV ค่าพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นอีกความท้าทายของการขยาย EV สู่บริการขนส่งสาธารณะและโลจิสติกส์ ภาครัฐจึงควรปลดล็อกเงื่อนไขโครงการค่าไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบ Low Priority อัตราพิเศษหน่วยละ 2.63 บาท ที่จำกัดเฉพาะสถานีชาร์จ EV สาธารณะ ให้ขยายไปยังผู้ประกอบการ Commercial Fleets
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี