นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เปิดเผยระหว่างนำคณะผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมจาก 10 นิคมอุตสาหกรรม เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการลงทุน(โรดโชว์) ในนิคมอุตสาหกรรมไทย ณ เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 26-29 มิถุนายน 2566 ว่า ได้เดินทางมาโรดโชว์นักลงทุนเมืองนาโกย่าซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงและเป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับ 3 ของญี่ปุ่น โดยวันที่ 27 มิถุนายน 2566 ได้จัดกิจกรรมสำคัญ คือ การจัดสัมมนาส่งเสริมการลงทุนในหัวข้อ“Manufacturing Game Changers! It’s Time for Thailand” ออกบูธของนิคมอุตสาหกรรมไทย โดยบรรยายหัวข้อ “An Update of Investments in Thailand’s Industrial Estates” นำเสนอข้อมูลปัจจุบันของพื้นที่การลงทุนในประเทศไทย กนอ. ให้ความสำคัญกับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เอส-เคิร์ฟ และ นิว เอส - เคิร์ฟ เน้นชักจูงอุตสาหกรรมสำคัญของนาโกย่าลงทุนไทย คือ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กเพื่อชักจูงให้มาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่บริษัทญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญ
ทั้งนี้วันที่ 28 มิถุนายน 2566 คณะของ กนอ. ยังมีโอกาสได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ประกอบการรายใหม่ ในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และรายปัจจุบันที่ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ในจังหวัดไอจิ 4 บริษัท เป็นบริษัทที่ประกอบกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และโลหะ มีที่ตั้งโรงงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โครงการ 2, โครงการ 3 และโครงการ 5 คาดว่าจะดึงดูดการลงทุนทริปนี้ 3,700 ล้านบาท
“การโรดโชว์ครั้งนี้จะแสดงถึงศักยภาพความพร้อมรับการลงทุนของนิคมอุตสาหกรรมไทย โดยกนอ.ร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ยังเชิญ 10 นิคมอุตสาหกรรมเข้าร่วมโรดโชว์ครั้งนี้ ประกอบด้วย อมตะซิตี้ชลบุรี อมตะซิตี้ระยอง ดับบลิวเอชเอฯ เอเชียสุวรรณภูมิแพรกษาฯ โรจนะแหลมฉบัง เอส อ่างทอง เอเชีย คลีนฯ ชลบุรี เอ็กโกระยอง เกตเวย์ซิตี้ และอุบลราชธานี การโรดโชว์ครั้งนี้เป็นทริปสุดท้ายที่มาญี่ปุ่นหลังโรดโชว์โตเกียว โอซาก้า และได้โรดโชว์ประเทศอื่นในเอเชียแล้ว คือ จีน ไต้หวัน เกาหลี โดยเร็วๆ นี้ จะโรดโชว์ประเทศสุดท้ายของเอเชียในปีงบประมาณ 2566 อยู่ระหว่างพิจารณาประเทศปลายทางอีกครั้ง ส่วนโรดโชว์พื้นที่อื่น อาทิ สหรัฐอเมริกา กำลังให้ทีมพิจารณา ส่วนยุโรปยังไม่มีแผนแต่มีนักลงทุนยุโรปสนใจเข้าดูพื้นที่ต่อเนื่อง” นายวีริศกล่าว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนญี่ปุ่น ยังคงเป็นอันดับ 1 ของการลงทุนในนิคมฯ มี 1,951 ราย มูลค่าการลงทุนรวม 3.1 ล้านล้านบาท จากมูลค่าลงทุนทั้งหมด 12 ล้านล้านบาท ซึ่งกว่า 70% ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี ปัจจุบันนักลงทุนญี่ปุ่น ให้ความสำคัญพลังงานหมุนเวียน เพื่อรองรับมาตรการปรับภาษีคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดนของสหภาพยุโรป (ซีแบม) กนอ.จึงชี้แจงว่าให้ความสำคัญ มีแผนผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ลอยน้ำ หรือโซลาร์โฟตติ้ง จากอ่างเก็บน้ำของกนอ. แต่ยังติดปัญหาเรื่องการเชื่อมระบบการจ่ายไฟ โดยอยู่ระหว่างหารือร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ พีอีเอ และกนอ.ยังมีแผนพัฒนาพลังงานสะอาด อาทิ พลังงานจากโซลาร์เซลพลังงานจากลม ผลิตไฟฟ้านอกนิคมฯ 600 เมกะวัตต์อยู่ระหว่างหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือกกพ. คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี