น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่ ธปท.ได้ออกมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน เพื่อเป็นแนวปฏิบัติขั้นต่ำ ให้สถาบันการเงินทุกแห่งปฏิบัติตามเป็นมาตรฐานเดียวกัน ในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากการทำธุรกรรมทางการเงิน
โดย ธปท.ได้ติดตามให้สถาบันการเงินทุกแห่งดำเนินการตามกรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งมีความคืบหน้าตามแผน 1.มาตรการป้องกัน ที่สถาบันการเงินทุกแห่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว เช่น การยกเลิกแนบลิงก์ทุกประเภทผ่าน SMS อีเมล และการยกเลิกแนบลิงก์ขอข้อมูลสำคัญผ่านโซเชียลมีเดีย และการพัฒนาระบบความปลอดภัยบน mobile banking ให้เท่าทันภัยการเงินรูปแบบใหม่
ส่วนมาตรการ การแจ้งเตือนผู้ใช้บริการ mobile banking ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง รวมทั้งการยกระดับความเข้มงวดในกระบวนการยืนยันตัวตนขั้นต่ำด้วย biometrics โดยการสแกนใบหน้าเมื่อเข้าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการทำธุรกรรมผ่าน mobile banking
2.มาตรการตรวจจับ สถาบันการเงินทุกแห่งเริ่มดำเนินการแล้วในการกำหนดเงื่อนไขการตรวจจับและติดตามธุรกรรมที่เข้าข่ายผิดปกติ หรือกระทำความผิด และรายงานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ขณะที่ระบบตรวจจับและติดตามบัญชีหรือธุรกรรมต้องสงสัยแบบทันที เพื่อให้การระงับธุรกรรมเป็นการชั่วคราวเมื่อตรวจพบทำได้เร็วขึ้น อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2566
3.มาตรการตอบสนองและรับมือ สถาบันการเงินทุกแห่งจัดให้มีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (hotline) ตลอด 24 ชั่วโมงแยกจากช่องทางให้บริการปกติ เพื่อให้ผู้ใช้บริการแจ้งเหตุได้เร็ว นอกจากนี้เพื่อให้การจัดการภัยทางการเงินมีประสิทธิผลและเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ธปท. จึงร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันการดำเนินการให้สอดคล้องตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566
โดยภาคธนาคารได้ยกระดับให้สถาบันการเงินมีกระบวนการรับแจ้งเหตุ 24 ชั่วโมง และระงับธุรกรรมชั่วคราวไว้ 72 ชั่วโมง เพื่อช่วยตัดตอนเส้นทางการเงิน รวมทั้งมีกระบวนการและพัฒนาระบบกลางแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีและธุรกรรมที่ต้องสงสัยระหว่างสถาบันการเงิน ด้วยกัน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้มาตรการจัดการภัยทางการเงินของไทยดังกล่าว มีความสอดคล้องตามมาตรฐานสากลและการดำเนินการของสำนักงานในต่างประเทศ โดยบางมาตรการของไทยมีการกำหนดเพิ่มเติม เช่น การจำกัด mobile banking ของแต่ละสำนักงานให้ใช้ได้ใน 1 อุปกรณ์ การยกระดับการยืนยันตัวตนด้วย biometrics
นายภิญโญ ตรีเพชราภรณ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกำกับและตรวจสอบความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธปท. กล่าวว่า รูปแบบภัยทุจริตทางการเงินที่สำคัญยังคงเดิม เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ SMS หลอกลวง และแอปฯดูดเงิน โดยไตรมาส 1/2566 พบว่าความเสียหายจากแอปฯดูดเงินเริ่มลดลง แต่ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา (พฤษภาคม-มิถุนายน) ตัวเลขความเสียหายเพิ่มขึ้น เนื่องจากมิจฉาชีพมีการปรับกลอุบายใหม่ ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วย โดยใช้วิธีส่ง SMS ผ่านเสาส่งสัญญาณมือถือปลอมเพิ่มสัญญาณให้แรงขึ้น SMS ปลอมนี้จะเข้าไป อยู่ในกล่อง SMS เดียวกันกับธนาคาร นอกจากนี้ยังมีการหลอกให้ประชาชนถอนการติดตั้งแอปฯจริงของธนาคารแล้วหลอกให้โหลดแอปฯดูดเงินของมิจฉาชีพแทน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี