นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า หลังจากสำนักงบประมาณ เสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาหลักเกณฑ์การจัดทำงบประมาณไปพลางก่อน ในที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่23 สิงหาคม 2566 นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีต่อการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายปี 2567 เข้าสู่ระบบ จากกรอบเดิมที่รัฐบาลเคยอนุมัติไว้ 3.35 ล้านล้านบาท ประมาณการรายได้ 2.757 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ593,000 ล้านบาท ภาระหนี้สาธารณะ 61.35 ต่อจีดีพี
ทั้งนี้ เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ เมื่อจัดทำนโยบายรัฐบาลเสนอต่อสภา จากนั้น4 หน่วยงานด้านเศรษฐกิจ คือ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ต้องจัดทำยุทศาสตร์งบประมาณรายจ่ายปี 2567 ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ตามสมมุติฐานการเติบโตเศรษฐกิจของ สศช. คาดการณ์จีดีพีขยายตัว 2.5-3% ในปี 2566 เมื่อปรับคาดการณ์จีดีพีลดลง จะส่งผลต่อเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของคลังลดลงอย่างไรบ้าง เพราะเดิมตั้งเป้าหมายรายได้ 2.757 ล้านล้านบาท เบื้องต้นการจัดเก็บภาษีรายได้ของ 3 กรมจัดเก็บในปี 2566 ทำได้ตามเป้าหมาย เพราะกรมสรรพสามิต กลับมาจัดเก็บภาษีน้ำมันเข้ามาเหมือนเดิม 10,000 ล้านบาทต่อเดือน ดังนั้น จึงต้องรอรัฐมนตรีคลังคนใหม่ เข้ามาพิจารณาจะปรับเปลี่ยนกรอบเดิมได้มากน้อยเพียงใด ในการจัดทำงบประมารรายจ่ายปี 2567
“การจัดทำกรอบงบประมาณปี 2567 ล่าช้าจากเดิมมาหลายเดือน จึงมองว่า ขั้นตอนจัดการจัดทำงบประมาณปี 2567 เพื่อเสนอสภาพิจาณา ต้องเร่งจัดทำหลายขั้นตอนให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้งบประมาณออกสู่ระบบได้ในช่วงต้นปีหน้าในส่วนของกระทรวงการคลัง มองว่า อาจต้องจัดเตรียมงบประมาณรายจ่ายปี 2568 ควบคู่กันไปด้วย เพราะในช่วงปลายปีของทุกปี 4 หน่วยงานหลักจะต้องประเมินภาพรวมเศรษฐกิจ ศึกษาหารือกรอบงบประมาณปีถัดไป เพื่อเสนอสภาพิจารณาแต่ในปีนี้อาจต้องจัดทำกรอบงบประมาณทั้ง 2 ปี ควบคู่กันไปพร้อมๆ กัน” นายพรชัยกล่าว
สำหรับการอัดฉีดเงินออกสู่ระบบในช่วงนี้ นอกจากงบประจำที่เป็นเงินเดือนราชการแล้ว ในส่วนของงบลงทุน อาจต้องอาศัยแบงก์รัฐ ซึ่งดำเนินการอยู่ ปล่อยกู้ดูแล รายย่อย เอสเอ็มอี เพื่อเติมทุน หลังจากรัฐบาลได้อนุมัติโครงการ ตาม ม.28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อให้แบงก์รัฐ ช่วยดูแลรายย่อยช่วงนี้ อีกทั้งการให้รัฐวิสาหกิจทั้งงบตามปีปฏิทินและปีงบประมาณ จัดเตรียมโครงการลงทุนให้พร้อม เมื่อรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำงานจะเสนอให้ ครม.พิจารณาได้ จะมีเงินลงทุนออกสู่ระบบได้ 1-2 แสนล้านบาท เพราะบอร์ดสภาพัฒน์ อนุมัติโครงการลงทุนเบื้องต้นรองรับไว้แล้ว เพื่อให้ปลายปีนี้และต้นปีหน้า พอยังมีงบอัดฉีดออกสู่ระบบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี