นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 91.14 ลดลง 4.43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 58.19% เป็นผลจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงลดลง หลังเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากกำลังซื้อในตลาดโลกลดลง ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มที่ผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก รวมถึงรายได้เกษตรกรในเดือนมิถุนายน 2566 ยังคงหดตัว 1.1% หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน สะท้อนกำลังซื้อจากภาคเกษตรที่ยังคงลดลง ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามปรากฏการณ์เอลนีโญที่ส่งผลให้ปริมาณฝนของไทยมีแนวโน้มต่ำกว่าค่าปกติ และมีผลต่อผู้ประกอบการกลางน้ำถึงปลายน้ำของไทย
ทั้งนี้ เศรษฐกิจในประเทศยังคงขับเคลื่อนได้จากภาคการท่องเที่ยวที่ช่วยพยุงการบริโภคและการใช้จ่ายในประเทศ หลังจากดัชนีผลผลิต
อุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อตอบสนองในประเทศยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.7% อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถังและอากาศยาน) มีมูลค่าอยู่ที่ 16,969.70 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลบวกคือ รถยนต์ ขยายตัว 5.34% ตามการขยายตัวของการส่งออกรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 30.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดส่งออกมีการเพิ่มขึ้นในแถบตลาดเอเชีย โอเชียเนีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป อเมริกากลางและใต้ ส่วนการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ ลดลง 8.8% เนื่องจากหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้สถาบันการเงินมีการเข้มงวดในการให้สินเชื่อมากขึ้น รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นส่งผลต่ออุปสงค์ในประเทศ
ในขณะที่การกลั่นน้ำมัน ขยายตัว 4.99%จากน้ำมันเครื่องบิน ก๊าซหุงต้ม และแก๊สโซฮอล์ 91ตามการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง ด้านเหล็กและเหล็กกล้า ขยายตัว 7.11% จากเหล็กแผ่นรีดร้อนท่อเหล็กกล้า เหล็กรูปพรรณรีดร้อน และเหล็กเส้นกลม โดยปรับตัวเป็นบวกเป็นเดือนแรกในรอบ 19 เดือน หลังราคาสินค้าปรับตัวดีขึ้นสอดคล้องกับปริมาณเหล็กนำเข้าลดจำนวนลง
“หลังจาก 7 เดือนของปี 2566 ดัชนี MPI หดตัว 4.54% ส่งผลให้ สศอ.ปรับประมาณการดัชนี MPI ปี 2566 คาดว่าจะหดตัว2.8-3.8% ส่วนการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP)ภาคอุตสาหกรรม ครึ่งปีแรก 2566 หดตัว 3.2% ทำให้คาดว่าปี 2566 จะหดตัว 1.5-2.5% โดยมีปัจจัยกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาพลังงานทรงตัวในระดับสูง อีกทั้งปัญหาภาคการเงินของประเทศต่างๆ อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงสูง ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ และภาระหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกัน ยังคงมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวดี การลงทุนในประเทศมีทิศทางเพิ่มขึ้น การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และมีความชัดเจนทางการเมือง” นางวรวรรณ กล่าว
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตในเดือนกรกฎาคม 2566 ได้แก่ยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.34%จากรถยนต์นั่งขนาดกลาง ขนาดเล็ก และเครื่องยนต์แก๊สโซลีน เป็นหลัก ตามการขยายตัวของตลาดส่งออกที่เพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาด ยกเว้นอเมริกาเหนือที่ลดลง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.99% จากน้ำมันเครื่องบิน ก๊าซหุงต้ม และแก๊สโซฮอล์ 91 เป็นหลัก ตามการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี