นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากปัจจุบันที่ทั่วโลกต่างประสบกับสภาวะโลกเดือดที่เป็นสัญญาณวิกฤตของภาวะโลกร้อน มีการทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้ทุกประเทศต้องตื่นตัว และให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยสหภาพยุโรป (EU) เอง ก็ออกมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism)ที่ปัจจุบันมีประเภทสินค้าที่อยู่ในขอบเขตของมาตรการ CBAM ทั้งสิ้น 7 รายการ ได้แก่ อะลูมิเนียม เหล็กและเหล็กกล้า ปูนซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า ไฮโดรเจน และผลิตภัณฑ์ปลายน้ำอื่นๆ ซึ่งในอนาคตอันใกล้ในปี 2573 (ค.ศ.2030)คาดการณ์ว่าจะครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์
มาตรการ CBAM ยังเป็นการกีดกันสินค้าที่มีมาตรฐานทางด้านสิ่งแวดล้อมต่ำทางอ้อมไม่ให้สามารถนำเข้าไปในตลาด EU ได้ ซึ่งอาจส่งผลให้สินค้าที่มาตรฐานทางด้านสิ่งแวดล้อมต่ำเหล่านี้ จะย้ายไปยังตลาดอื่นที่ไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดรวมถึงประเทศไทยอีกด้วย
นายเกรียงไกรกล่าวว่าจากประเด็นปัญหาดังกล่าว อุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ไทยต้องปรับตัว และพัฒนาเพื่อยกระดับให้บรรจุภัณฑ์
หรือ Packaging ที่ผลิตจากไทย สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ (Recycle & Upcycling) หรือการนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วหรือของที่จะถูกทิ้ง เป็นขยะมาแปลงให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น และกลับมาใช้ประโยชน์ได้ โดยออก
แบบให้มีความสวยงามเพื่อให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ทำให้คุณภาพและส่วนประกอบของวัสดุนั้นลดลง (Hi-Value Printing & Packaging)
ทั้งนี้การออกแบบดังกล่าวจะไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปทางอุตสาหกรรม และไม่ผ่านกระบวนการทางเคมีที่มีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือใช้เคมีน้อยที่สุด ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมไทยมุ่งสู่ความยั่งยืน เตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการสามารถรับมือกับมาตรการการค้าของต่างประเทศ และแข่งขันได้ในตลาดโลก
นายเกรียงไกร กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้เตรียมจัดงานแสดงสินค้าบริการและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023
(Environmental & Waste Management Expo 2023) ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไปส่วนหนึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก ทำให้ต้องหาวิธีผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภคให้เพียงพอ ซึ่งทำให้เกิดขยะและกากของเสียที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จากรายงานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่าในปี 2560 ประเทศไทยมีปริมาณขยะประมาณ 27 ล้านตันหรือประมาณ 74,998 ตัน/วันหมายความว่าแต่ละคนสร้างขยะปริมาณ 1.13 กิโลกรัม/วัน และมีกากอุตสาหกรรมเกิดขึ้น 33 ตัน/ปี ทั้งที่เป็นอันตรายและไม่อันตราย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการจัดการอย่างถูกวิธี และสอดคล้องตามแนวทาง BCG เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมนี้
“นับเป็นโอกาสที่ดีที่เรายังมีอุตสาหกรรมที่เข้ามาช่วยสนับสนุนและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็มีนโยบายเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการดำเนินงานของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นกลุ่มสนับสนุนความยั่งยืนของอุตสาหกรรมไทยในภาพรวมและเราพร้อมเดินหน้านำนวัตกรรม เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการกำจัดขยะ ของเสีย เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”นายเกรียงไกร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี