วันจันทร์ ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
รัฐ-เอกชนผนึกกำลัง  รับมือการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

รัฐ-เอกชนผนึกกำลัง รับมือการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

วันจันทร์ ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag :
  •  

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ต้นทุนการเข้าถึงอุปกรณ์หรือข้อมูลข่าวสารที่ลดต่ำลง เป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจในรูปแบบดั้งเดิมถูกขับเคลื่อนไปสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่ไม่พึ่งพาพื้นที่ทางกายภาพเหมือนอดีต ส่งผลให้รูปแบบการดำเนินธุรกิจตลอดจนรูปแบบการจ้างงานเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ที่สามารถเข้าถึงและปรับตัวใช้เทคโนโลยีดังกล่าวสร้างหรือพัฒนาและต่อยอดธุรกิจ ในขณะเดียวกันเป็นความท้าทายสำหรับภาคประชาชน และภาคธุรกิจที่ไม่สามารถเข้าถึงหรือปรับตัวได้ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วดังกล่าว ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมไทย ขณะเดียวกัน ยังเป็นโอกาสและความท้าทายของภาครัฐในการเตรียมความพร้อมสร้างโครงสร้างพื้นฐานและอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงหาแนวทางบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเข้ามาลดความเหลื่อมล้ำเดิมที่มีอยู่

ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ได้แก่ การขยายตัวของเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม (Platform economy) โดยธุรกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในทศวรรษที่ผ่านมา ล้วนเป็นธุรกิจที่เกิดบนเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม อาทิ บริการขนส่ง ที่พัก การซื้อ-ขายออนไลน์ และเครือข่ายสังคม เป็นต้น โดยส่วนใหญ่มีลักษณะร่วมกันคือเป็น “ธุรกิจแพลตฟอร์ม” ที่ไม่ได้ผลิตสินค้าและบริการด้วยตนเอง แต่ทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” และโยกย้าย “ตลาด” ที่เคยเป็นพื้นที่ทางกายภาพเข้าสู่โลกดิจิทัลตลอดจนทำหน้าที่ “จับคู่” ผู้ซื้อและผู้ขายธุรกิจดังกล่าวสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อการใช้แรงงาน อาทิ แรงงานที่ทำงานบนระบบคลาวด์ โดยไม่ยึดโยง0ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่ใช้ทักษะสูง เป็นต้นนอกจากนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังเป็นตัวเร่งให้ธุรกิจแพลตฟอร์มเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างมีนัยสำคัญ


นอกจากนี้ ยังมีการทำงานอัตโนมัติโดยเครื่องจักร (Automation) ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะในภาคการผลิตอุตสาหกรรม แต่รวมไปถึงการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้กับการบริหารงาน ซึ่งจะเป็นปรากฏการณ์ที่พบได้ทั่วไปนับจากนี้ เนื่องจากมีความสามารถในการวิเคราะห์ที่แม่นยำ ทั้งนี้ ในปัจจุบันแม้จะมีเพียงทักษะบางประการที่จะถูกทดแทนด้วยการทำงานอัตโนมัติโดยเครื่องจักรได้ แต่ในอนาคตอาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีให้เครื่องจักรทำงานแทนคนในทักษะต่างๆ มากขึ้น

ขณะเดียวกัน การก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-driven economy) พัฒนาการทางเทคโนโลยีได้เพิ่มศักยภาพให้กับข้อมูล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ได้แก่ 1.พัฒนาการของเทคโนโลยีในการเก็บข้อมูล Technological device ที่เข้าถึงง่าย ผนวกกับการเชื่อมโยงผ่านอินเตอร์เนต ทำให้ปัจจุบันสามารถเก็บข้อมูลได้หลากหลายและตลอดเวลา เช่นข้อมูลการใช้รถยนต์ ข้อมูลสุขภาพข้อมูลการใช้งานเครื่องใช้ในบ้าน เป็นผลให้ลักษณะของข้อมูลเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตที่ต้องพึ่งพาการสำรวจ และนำไปสู่การเกิดขึ้นของฐานข้อมูลขนาดใหญ่ 2.พัฒนาการของเทคโนโลยีในการวิเคราะห์ข้อมูล ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในต้นทุนที่ลดต่ำลง และ 3.พัฒนาการของเทคโนโลยีในการเชื่อมโยงและกระจายข้อมูล ทำให้การนำเสนอข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้นและอยู่ในรูปแบบที่สามารถส่งผ่านข้อมูลได้ง่ายโดยปราศจากต้นทุน ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

นายพูนพงษ์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในประเด็นดังกล่าวข้างต้น มีนัยต่อความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ในด้านต่างๆ ที่สำคัญ ได้แก่ การจ้างงาน จากการศึกษาของ McKinsey & Company กล่าวว่า การใช้เครื่องจักรอัตโนมัติจะช่วยเพิ่มผลิตภาพการผลิตขึ้นอีกประมาณร้อยละ0.8-1.4 รวมทั้งลักษณะงานที่มีรูปแบบการทำงานที่ทำซ้ำๆ จะมีโอกาสถูกทดแทนด้วยเครื่องจักรหรือ AI มากกว่าร้อยละ 50 ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อแรงงานที่อาจถูกเลิกจ้าง นอกจากนี้การขยายตัวของธุรกิจแพลตฟอร์มที่ไม่จำเป็นต้องมีสถานที่ขายสินค้าจะเปลี่ยนรูปแบบการจ้างงานที่ต้องการแรงงานที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีมากขึ้น

ด้านความสามารถทางการแข่งขัน ธุรกิจที่สามารถเข้าถึงและปรับตัวในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาต่อยอดธุรกิจจะมีโอกาสเติบโตสูง โดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย ระบุว่า ธุรกิจที่สามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีมีโอกาสเติบโตมากกว่าเดิมร้อยละ 5 ต่อปี ในทางกลับกัน ธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัวได้มีโอกาสเติบโตลดลงเหลือเพียงร้อยละ 2.8 ต่อปี

ด้านการกำหนดนโยบายสาธารณะ ประเทศไทยสามารถใช้การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีด้านข้อมูล เช่น Big data มาช่วยกำหนดนโยบายสาธารณะเพื่อลดความเหลื่อมล้ำได้ โดยเฉพาะนโยบายที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่ต้องใช้การเก็บรวบรวมข้อมูลจำนวนมาก รวมทั้งการประมวลผลด้วยปัญญาประดิษฐ์ อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ประกอบการกำหนดนโยบายสาธารณะจำเป็นต้องบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน

“จากประเด็นการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและนัยต่อความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ทั้งการพัฒนาทักษะแรงงานให้มีความพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลง พร้อมรองรับเทคโนโลยี จัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น กฎหมายที่เอื้อต่อการพัฒนา การชำระเงินออนไลน์ที่ปลอดภัย การกำกับดูแลเพื่อรองรับการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลง และรักษาความเป็นธรรมระหว่างธุรกิจบนเศรษฐกิจดิจิทัลและธุรกิจดั้งเดิม ปรับปรุงระบบสวัสดิการ เพื่อรองรับแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงการจัดตั้งกองทุนประกันสังคมสำหรับแรงงานดิจิทัลแยกต่างหาก และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อกำหนดนโยบายพัฒนาศักยภาพด้านการวิเคราะห์ข้อมูลในการกำหนดนโยบายภาครัฐ สนับสนุนการสร้างฐานข้อมูลร่วมกับภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมศักยภาพของฐานข้อมูลใหญ่ และควรให้ข้อมูลดังกล่าวสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม” นายพูนพงษ์กล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘พาณิชย์สัญจร’ ครั้งที่ 3 ยกระดับสินค้า GI สู่ตลาดในประเทศ-ตปท. ‘พาณิชย์สัญจร’ ครั้งที่ 3 ยกระดับสินค้า GI สู่ตลาดในประเทศ-ตปท.
  • FTI เผยไตรมาแรกยอดขายสินค้าพาณิชย์-อุตสาหกรรมเพิ่ม FTI เผยไตรมาแรกยอดขายสินค้าพาณิชย์-อุตสาหกรรมเพิ่ม
  • \'พาณิชย์\'เดินหน้าส่งมอบปุ๋ยราคาถูก ยอดสั่งซื้อทะลุ 1 ล้านกระสอบ 'พาณิชย์'เดินหน้าส่งมอบปุ๋ยราคาถูก ยอดสั่งซื้อทะลุ 1 ล้านกระสอบ
  • ‘อมตะ’ แนะผู้ประกอบการไทยกระจายตลาดส่งออก - ลดพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ‘อมตะ’ แนะผู้ประกอบการไทยกระจายตลาดส่งออก - ลดพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ
  • ‘พิชัย’ ดันเจรจา FTA ไทย-บังกลาเทศ เจาะตลาดฮาลาล ‘พิชัย’ ดันเจรจา FTA ไทย-บังกลาเทศ เจาะตลาดฮาลาล
  • พาณิชย์ เผยยอดสั่งซื้อปุ๋ยทะลุ 1 ล้านกระสอบ พาณิชย์ เผยยอดสั่งซื้อปุ๋ยทะลุ 1 ล้านกระสอบ
  •  

Breaking News

(คลิป) ถ้า'ทักษิณ' หนี 'อุ๊งอิ๊งค์' จะเป็นอย่างไร?

หญ้าก็คือหญ้า! 'นายแม่ดัง'โพสต์สั้นๆแต่เจ็บจี๊ด ทำชาวเน็ตโยงสนั่น

'ปลัด กทม.'ลงพื้นที่ไฟไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ สั่งอพยพปชช.หวั่นผลกระทบควันพิษ

ต้องไม่ไร้ศักดิ์ศรี! ยก 2 เหตุสะท้อนปัญหาสังคม กับ'ค่านิยมที่ผิดเพี้ยน'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved