บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ประกาศจ่ายเงินปัณผล 12 สตางค์ สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกในปี 2566 ซึ่งเท่ากับปีที่แล้ว ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ หลังจากที่ผลประกอบการครึ่งปีแรกในปี 2566 ดีกว่าครึ่งปีแรกในปี 2565 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ โดยบริษัทฯยังเน้นเรื่องการปรับเปลี่ยนโรงไฟฟ้าทั้งหมดให้กลายเป็นโรงไฟฟ้าสะอาดสีเขียวเพื่อให้กลายเป็นโรงไฟฟ้าไร้คาร์บอน
บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 12 สตางค์ หรือ 0.12 บาทต่อหุ้น จากผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรก ระหว่าง 1 มกราคม 2566 ถึง 30 มิถุนายน 2566 โดยกำหนดผู้มีสิทธิได้เงินปันผลจากข้อมูล ณ วันที่ 14 กันยายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 25 กันยายน 2566 ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1981.4 ล้านบาท สูงขึ้นจาก 1710.3 ล้านบาทใน 6 เดือนแรกของปี 2565 หรือโตขึ้นร้อยละ 15.85 โดยการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 12 สตางค์ต่อหุ้นนั้นคิดเป็นเงินจำนวนรวม 1,008 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50.87 ของกำไรสุทธิ
ทางด้าน นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP กล่าวว่าการที่จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 ที่ 12 สตางค์ต่อหุ้น ซึ่งเท่ากับในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 ดีกว่าตลาดที่คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลลดลง กอปรกับการที่ผลประกอบการบริษัทฯดีขึ้น ทั้งรายได้รวม กำไรสุทธิ และตัวชี้วัดอื่นๆ แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯยังมีความสามารถในการทำกำไรต่อเนื่อง ถึงแม้ว่า สัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA ที่ได้รับราคาเพิ่มพิเศษ หรือ Adder จะลดลงจาก 163 เมกกะวัตต์ เหลือแค่ 90 เมกกะวัตต์ ก็ตาม
“แม้ว่า Adder ของบริษัทฯจะลดลงจาก 3 สัญญาเหลือแค่สัญญาเดียว ซึ่ง 2 สัญญาที่ Adder หมด บริษัทฯก็ยังขายค่าไฟได้ในราคาฐาน ไม่ได้หยุดขายไฟฟ้าแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจคือหลังจากที่ Adder ลดลง ผลประกอบการบริษัทฯกลับดีขึ้น โตกว่าปีที่แล้วกว่า 15% ผิดคาดจากตลาดซึ่งปรามาสว่าบริษัทฯจะกำไรลดลง ซึ่งการที่กำไรสูงขึ้นมาจากการที่บริษัทฯได้เริ่มทำการเปลี่ยนโรงไฟฟ้าถ่านหินบางส่วน ให้ใช้เชื้อเพลิงขยะบนเส้นทางสู่ Net Zero ของบริษัทฯ โดยต้นทุนของโรงไฟฟ้าขยะไม่ได้ผันผวนเหมือนกับโรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่นๆ นอกจากนี้การเปลี่ยนผ่านโรงไฟฟ้าเป็นโรงไฟฟ้าสะอาดให้หมดภายในปี 2569 ยังสอดคล้องกับความตั้งใจของบริษัทฯ ที่เน้นเรื่อง ESG เพื่อโลกที่น่าอยู่ ดังนั้นการเดินทางสู่ Net Zero ช่วยทั้งเรื่องลดต้นทุน และช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน” นายภัคพลกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี