นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ.เตรียมเสนอแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ต่อ นายพีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เพื่อให้เร่งตัดสินใจก่อนเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) รอบสุดท้าย ก่อนนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป เนื่องจาก สนพ.คาดการณ์ว่าการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลากลางคืนจะพีคสุดๆ ในปริมาณมากๆ ปี 2570 ที่มาจากการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า(EV) ที่เพิ่มขึ้นตามอัตราปริมาณการใช้รถ EV ของประเทศไทย เพราะผู้ใช้รถ EV ส่วนมากมักจะชาร์จรถเวลากลางคืน
ทั้งนี้ในปี 2566 มีความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ของระบบ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 เวลา 21.41 น. อยู่ที่ระดับ 34,827 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดในระบบของ3 การไฟฟ้าของปีก่อน ถือว่าเป็นการใช้ไฟฟ้าในปริมาณสูงในช่วงเวลากลางคืนเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงขนาดนี้ แม้ที่ผ่านมาจะมีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณมากในช่วงเวลากลางคืนครั้งหนึ่ง แต่ปริมาณอยู่ที่ระดับ 28,000 เมกะวัตต์เท่านั้น ดังนั้นการพีคของไฟฟ้าปี 2566 นี้ในเวลากลางคืน จึงถือว่าสูงสุดในประวัติการณ์
นายวัฒนพงษ์ กล่าวว่า จากกรณีที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปี 2566 จะขยายตัวในช่วง 2.5-3.0% ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภค-บริโภคภาคเอกชน รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐโดย สนพ.คาดการณ์ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าปี 2566 จะอยู่ที่ระดับ 201,913 ล้านหน่วย (GWh) เพิ่มขึ้น 2.4% อย่างไรก็ตาม สนพ.ยังคงติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศและแนวโน้มเศรษฐกิจโลก รวมทั้งราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด เพื่อหาแนวทางและมาตรการในการช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤตพลังงานในอนาคตต่อไป
สำหรับสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าในช่วงครึ่งปีแรก 2566 ที่ผ่านมา พบว่ามีการใช้ไฟฟ้า อยู่ที่ 101,043 ล้านหน่วย (GWh) เพิ่มขึ้น 2.2%โดยมาจากการใช้ไฟฟ้าในส่วนของสาขาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและบริการซึ่งมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากนโยบายการเปิดประเทศในหลายๆ ประเทศ ซึ่งส่งผลให้มีการใช้ไฟฟ้าในสาขาธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นสูงถึง 9.3%โดยเฉพาะการใช้ไฟฟ้าในสาขาโรงแรมอพาร์ทเมนท์ และเกสต์เฮ้าส์ ส่วนการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม ลดลง 3.8% จากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้การผลิตสินค้าเพื่อส่งออกหดตัว สำหรับการใช้ไฟฟ้าในภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้น 4.8% และสาขาอื่นๆ (องค์กรไม่แสวงหากำไร สูบน้ำเพื่อการเกษตร ไฟฟ้าชั่วคราว และไฟฟ้าสาธารณะ) เพิ่มขึ้น 10.5%
“การปรับลดลงของทุกกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญ จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกที่หดตัว ดังนั้นจะต้องจับตามาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) ที่จะเริ่มบังคับใช้ควบคุมกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 นี้ด้วย ดังนั้นไฟฟ้าที่ผ่านกระบวนการผลิตสินค้าก็จะต้องมาจากพลังงานหมุนเวียนเป็นหลักด้วย” นายวัฒนพงษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี