นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร หรือ TK เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 ตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศเติบโตต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับตลาดเช่าซื้อฯ ในต่างประเทศที่ TK ดำเนินธุรกิจอยู่ทั้งในกัมพูชา และ สปป.ลาว ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน ควบคู่ไปกับการดำเนินกลยุทธ์ธุรกิจในประเทศด้วยการให้สินเชื่ออย่างระมัดระวัง เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ บริหารคุณภาพลูกหนี้ในพอร์ตเช่าซื้อ คงระดับหนี้เสีย และบริหารฐานทุนให้แข็งแรง รวมทั้งเน้นการถือเงินสดในมือรอจังหวะที่เหมาะสมในการขยายตลาด เพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน ระหว่างรอประกาศจากธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับรายละเอียดการกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อฯ
สำหรับตลาดต่างประเทศ ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 TK พอร์ตเช่าซื้อรวมทั้งจาก Suosdey Finance ในกัมพูชาและ Sabaidee Leasing ใน สปป.ลาว เติบโตรวม 16.4% จากสิ้นปีที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 1,399 ล้านบาท หรือเป็นสัดส่วน 33.4% ของพอร์ตเช่าซื้อรวม 4,190.6 ล้านบาท สำหรับธุรกิจในเมียนมาขณะนี้บริษัทฯ ได้หยุดดำเนินการแล้ว เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในเมียนมาส่งผลให้
ทุกอย่างชะงัก อย่างไรก็ตาม ยังคงมองเห็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจเช่าซื้อที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะในกัมพูชา และ สปป.ลาว ที่มีปัจจัยบวก
ด้านเศรษฐกิจโดยรวมของแต่ละประเทศขยายตัวต่อเนื่อง แต่ TK ก็ยังคงดำเนินธุรกิจในตลาดดังกล่าวด้วยความระมัดระวัง พร้อมติดตามปัจจัยเสี่ยงของแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดกลยุทธ์และจัดการธุรกิจในแต่ละประเทศเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายประพล พรประภา กรรมการและรองผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร หรือ TK กล่าวว่า ปัจจุบัน TK มีสาขาในต่างประเทศ 18 สาขา ที่กัมพูชา 12 แห่ง ได้แก่ พนมเปญ เสียมเรียบ พระตะบอง สวายเรียง บันเตียเมียนเจย กำปงจาม กำปงสปือ กำโปด กำปงธม กำปงชนัง โพธิสัตว์ ตาแกวและที่ สปป.ลาว 6 แห่ง ได้แก่ เวียงจันทน์หลวงพระบาง ปากเซ สะหวันนะเขต เชียงของ และอุดมไซ ครอบคลุมหัวเมืองและประชากรประมาณ 17.04 ล้านคน ตลาดเช่าซื้อฯ ใน 2 ประเทศดังกล่าว ปัจจุบัน ณ ไตรมาส 2/2566 มียอดสินเชื่อ 1,272 ล้านบาท และ 127ล้านบาท ในกัมพูชา และ สปป.ลาว ตามลำดับ โดยครึ่งปีแรกมีกำไร 37.8 ล้านบาท มาจากกัมพูชา 27.1 ล้านบาท และจาก สปป.ลาว 10.7 ล้านบาท
ด้านสถานการณ์ธุรกิจเช่าซื้อในกัมพูชา และ สปป.ลาว โดยรวมยังคงปกติและมีโอกาสเติบโต คือ ในกัมพูชาแม้เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ดี แต่ในระยะสั้นมีความเสี่ยงเหมือนกับไทยและ สปป.ลาว ซึ่งค่าครองชีพสูงจากค่าเงินที่อ่อนลง ส่งผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูง และราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในราคาสูง โดยเฉพาะกัมพูชาซึ่งใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้ในประเทศถีบตัวสูงเป็นพิเศษ ในระยะสั้นจะส่งผลกระทบกับการบริโภคภายในประเทศพอสมควร ส่วนตลาดเช่าซื้อใน สปป.ลาว ลูกค้ายังคงมีความสามารถในการผ่อนชำระและชำระหนี้ได้ปกติ ประกอบกับพฤติกรรมลูกค้าใน สปป.ลาวจะไม่ยอมทิ้งรถ เพราะหากกลับมาซื้อรถใหม่ ราคาจะเพิ่มสูงกว่าเดิมถึง 30-40% ซึ่งจะเห็นได้จากเอ็นพีแอลอยู่ที่ 1% ส่วนคุณภาพลูกค้าใหม่ค่อนข้างมีคุณภาพ เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จ่ายเงินดาวน์สูงกว่าตลาดในไทย และกัมพูชา แสดงให้เห็นว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความตั้งใจซื้อจริงๆ
“การบริหารธุรกิจของในตลาดต่างประเทศ เราจะนำปัจจัยความเสี่ยงด้านต่างๆ มาพิจารณาและดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์ของแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยที่เกี่ยวกับแหล่งเงินทุน อัตราแลกเปลี่ยน เศรษฐกิจการแข่งขันในตลาด และปัจจัยอื่นๆ ที่นอกเหนือการควบคุม ตลอดการดำเนินธุรกิจของ TK เราไม่ได้ปล่อยสินเชื่อโดยไม่พิจารณาความเสี่ยง สำหรับตลาดเช่าซื้อในกัมพูชา และ สปป.ลาว ที่ผ่านมาลูกค้ายังจ่ายเงินปกติ และธุรกิจมีกำไร ภาพรวมทุกอย่างยังไปได้ค่อนข้างดี เราเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโดยรวมของทั้ง 2 ประเทศจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของเราก็คือ การถือเงินสดพร้อมไว้ เพื่อเร่งขยายธุรกิจทันทีและเติบโตตามตลาดในระยะยาว เราคาดว่าพอร์ตเช่าซื้อในต่างประเทศรวมของ TK จะเติบโต 20% ในสิ้นปี 2566 ” นายประพลกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี