เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ประชุมร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และคณะโดยใช้เวลาประชุมประมาณ 20 นาที จากนั้นได้เดินทางกลับเพื่อไปตรวจเยี่ยมอุทกภัยที่จ.อุบลราชธานี
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานส.อ.ท. เปิดเผยภายหลังการประชุมว่าท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงส.อ.ท.ยังคงเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมไทย และพยายามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย สู่ความยั่งยืน โดยมุ่งเน้นเรื่องของคลีน (Clean) กรีน (Green) และการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
“เราได้นำเสนอข้อเสนอแนะแก่นายกรัฐมนตรี ที่ประกอบด้วย 8 ข้อหลัก จาก 70 ข้อโดยมุ่งเน้นการพัฒนา 3 ด้าน คือ การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน การขับเคลื่อน GDPให้เติบโตมากขึ้น และความยั่งยืน ทั้งเรื่องการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาเศรษฐกิจแบบ BCG” นายเกรียงไกร กล่าว
สำหรับ 8 ข้อเสนอหลักจาก 70 ข้อ เน้นพัฒนา 3 ด้าน คือ การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน การขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ให้เติบโตและการพัฒนาเศรษฐกิจแบบยั่งยืนหรือ BCG โดย 8 แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ได้แก่1.การปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อส่งเสริมอีส ออฟ ดูอิ้ง บิสซิเนสและเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ 2.การพัฒนาบุคลากร เพิ่มผลิตภาพแรงงาน และแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานทั้งระบบ 3.การบริหารจัดการด้านพลังงานทั้งระบบรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน 4.การส่งเสริมการส่งออก การค้า และสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
5.การยกระดับอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรม และดิจิทัล 6.การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการทรัพยากรนํ้า และการมุ่งสู่เป้าหมายเน็ตซีโร่ 7.การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 8.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์และพื้นที่สำหรับอุตสาหกรรม
นายเกรียงไกรกล่าวว่านายกรัฐมนตรี รับฟังข้อเสนอแนะทั้ง 8 ข้อโดยขอให้จัดทำแผนดำเนินงาน ทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวที่ชัดเจน และเสนอกลับไปอีกครั้งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ พร้อมกันนี้นายกฯ ระบุจะหารือด้วยตัวเองบ่อยขึ้น และเห็นด้วยกับการขอฟื้นคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนหรือ กรอ.
“นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ทิ้งหรือหักดิบในอุตสาหกรรมรถเครื่องยนต์สันดาปภายในหรือ ICE ซึ่งมองเรื่องผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก เพราะอุตสาหกรรมนี้มีการจ้างงานกว่า6 แสนคน และเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับประเทศและไทยยังเป็นแหล่งผลิตรถยนต์ที่แข็งแกร่ง ถือเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชีย และพร้อมที่รักษาฐานการผลิตตรงนี้ไว้ โดยพร้อมเป็นประเทศสุดท้ายของโลกที่ยังคงผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน หากประเทศอื่นๆ ยกเลิกการผลิตไปแล้ว แต่ยังยืนยันว่า จะมีการดำเนินการให้สมดุลการส่งเสริมรถยนต์อีวีด้วย” นายเกรียงไกรกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี