ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี)ปี 2566 ปรับลดเหลือ 13.5% จากค่าระวางการขนส่งทางเรือที่ลดแรงจากฐานที่สูง และต้นทุนค่าขนส่งทางถนนที่เริ่มทรงตัว ทั้งนี้ คาดปี2567 สัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อจีดีพีมีแนวโน้มปรับเพิ่มเล็กน้อยจากค่าระวางเรือที่อาจขยับตัวเพิ่มจากการเริ่มฟื้นตัวของภาคส่งออก เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนจากผู้ประกอบการต่างชาติ การลดสัดส่วนต้นทุน โลจิสติกส์ต่อจีดีพี จึงจำเป็นที่ไทยต้องวางแผนและดำเนินการเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศในการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ ดังต่อไปนี้
1. ลดต้นทุนการขนส่งทางบก ประเทศไทยมีสัดส่วนต้นทุนการขนส่งทางบกคิดเป็นสัดส่วนกว่า 49.6% ของโครงสร้างต้นทุนการขนส่งทั้งหมด ปัจจุบันภาครัฐมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรางให้ครอบคลุมมากขึ้นผ่านโครงการรถไฟความเร็วสูง และ รถไฟรางคู่ ซึ่งตามข้อมูลการศึกษาชี้ระบบการขนส่งทางรางมีต้นทุนการขนส่งต่ำกว่าทางถนน 2.23 - 3.06 เท่าเมื่อเทียบเป็นน้ำหนักต่อกิโลเมตร แต่ปัจจุบันต้นทุนการขนส่งทางรางมีสัดส่วนเพียง 1.9% ของต้นทุนค่าขนส่งทั้งหมด รวมถึงภาครัฐควรสนับสนุนให้ภาคเอกชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งต่อน้ำหนักต่อกิโลเมตรของรถยนต์ไฟฟ้าต่ำกว่าการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงถึง 60% บนสมมุติฐานว่าภายในปี 2570 ไทยสามารถเปลี่ยนโหมดขนส่งทางถนนไปใช้ระบบรางได้ 10% และใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อขนส่งแทนที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ 10% ttb analyticsประเมินว่าไทยจะสามารถลดสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อจีดีพีลงเหลือ 12.7% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 13.2%
2.เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เนื่องจากสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อจีดีพีเป็นการส่งสัญญาณว่าการซื้อขายสินค้าผู้ประกอบการหรือผู้ซื้อต้องแบกภาระเพิ่มเติมด้านการขนส่งเป็นสัดส่วนเท่าไรของมูลค่าสินค้าดังนั้น บนพื้นฐานโครงสร้างของไทยที่สินค้าส่วนใหญ่มีมูลค่าต่ำ เช่น สินค้าเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่สินค้ามีมูลค่าเพิ่มสูงกว่า ส่งผลให้ค่าขนส่งที่คิดตามปริมาตรและน้ำหนักมากกว่าเมื่อเทียบกับมูลค่าสินค้า ภาพรวมประเทศไทยจึงมีสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อจีดีพีที่สูงกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว หากประเทศไทยสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าโดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เช่น สินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม First S-Curve และ New S-Curve ได้อย่างมีประสิทธิภาพย่อมส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งต่างๆ เมื่อเทียบกับมูลค่าสินค้ามีทิศทางที่ลดลงต่อเนื่องในระยะยาว และยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี