วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
แนะอัปเกรดสินค้าเกษตร  พาณิชย์ชี้ตลาดโลกขยายตัวต่อเนื่อง

แนะอัปเกรดสินค้าเกษตร พาณิชย์ชี้ตลาดโลกขยายตัวต่อเนื่อง

วันศุกร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag : สินค้าเกษตร พาณิชย์
  •  

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้ติดตามสถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรของไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2563-2565) พบว่ามูลค่าการส่งออกของสินค้าเกษตร (ผักและผลไม้) มีการขยายตัวกว่า 19.91% ต่อปี จากการเพิ่มการนำเข้าของตลาดหลักอย่างจีน โดยเฉพาะปี 2565 ที่ไทยส่งออกผลไม้ไปยังจีนคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 85.50 และส่งออกผัก ไปยังประเทศผู้นำเข้าสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และไต้หวัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29.82 17.84 และ 8.22 ตามลำดับ

นอกจากนี้จากการที่ผู้บริโภคทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้นทำให้ความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์เติบโตสูงขึ้นมากด้วยเช่นกันซึ่งสอดคล้องกับสถิติการส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยในปี 2565 ที่เติบโตสูงถึง 98.74% โดยสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ประเทศต่างๆ นิยมนำเข้าจากไทยในปี 2565 ได้แก่ข้าวอินทรีย์ มีมูลค่าการส่งออกกว่า 1,011 ล้านบาทและในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2566 มีมูลค่าส่งออกรวมกว่า 623 ล้านบาท โดยประเทศผู้นำเข้าอันดับ 1 ได้แก่ สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 38.33 ขณะที่ทุเรียนอินทรีย์มีมูลค่า การส่งออกกว่า 890 ล้านบาท และในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2566 มีมูลค่าส่งออกกว่า 778 ล้านบาท โดยประเทศผู้นำเข้าอันดับ 1 ได้แก่ จีน คิดเป็นสัดส่วน 65.71% ขณะเดียวกันตามรายงานของ The Research Institute of OrganicAgriculture (FiBL) ยังพบว่ามีตลาดศักยภาพอื่นๆ ที่มีความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์สูงติดอันดับต้นๆ ของโลก เช่น ประเทศแถบยุโรปอย่าง เยอรมนี และอิตาลี เป็นต้น โดยมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์จาก 191 ประเทศทั่วโลกในปี 2564 สูงถึงราว 124,800 ยูโร หรือประมาณ 4.80 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโรเท่ากับ 38.50 บาท)


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสินค้าเกษตรของไทยจะมีมูลค่าการส่งออกขยายตัวอย่างต่อเนื่องแต่สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรขั้นต้นหรือสินค้าประเภทวัตถุดิบที่มีมูลค่าต่อหน่วยไม่สูงมากนักส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยมีรายได้หรือกำไรค่อนข้างน้อย ดังนั้น จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ไทยควรเร่งส่งเสริมยกระดับราคาสินค้าเกษตรของไทยไปสู่ตลาดระดับพรีเมียม โดยเฉพาะในกระบวนการที่อยู่ภายใต้ห่วงโซ่อุปทานโลจิสติกส์ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรได้ ทั้งในด้านการลดต้นทุนโลจิสติกส์ เช่น ต้นทุนการขนส่ง การเก็บรักษา การบริหารจัดการ และการอำนวยความสะดวกทางการค้า ฯลฯ อันจะช่วยให้เกิดส่วนต่างต้นทุน/กำไร และระดับราคาที่แข่งขันได้ และ ระบบโลจิสติกส์ที่ช่วยรักษามาตรฐานให้แก่สินค้าโดยเฉพาะขั้นตอนการขนส่งสินค้า และการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการคงคุณภาพของสินค้าและลดต้นทุนที่เกิดจากความสูญเสียจากการเน่าเสียของสินค้าผักและผลไม้ตั้งแต่หลังการเก็บเกี่ยวจนถึงมือผู้บริโภค เช่น ระบบโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางการค้าให้แก่สินค้าเกษตรของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ Statista ฐานข้อมูลสถิติตัวเลขและรายงานด้านการตลาดและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกได้เผยแพร่รายงานสถิติการค้าสินค้าเกษตรโภคภัณฑ์ (Agricultural Commodities)ของญี่ปุ่นที่สามารถยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าสูง และสร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้เป็นอย่างดี โดยพบว่าในปี 2565 ญี่ปุ่นส่งออกสินค้าเกษตรคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 886,160 ล้านเยนหรือราว 255,568.54 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน1 บาท เท่ากับ 0.2884 เยน) เพิ่มขึ้นกว่า 313,600 ล้านเยน (90,442.24 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับปี 2556 ส่งผลให้สินค้าเกษตรของญี่ปุ่นขึ้นแท่นสินค้าส่งออกหลักสำคัญของประเทศ โดยหลักการสำคัญที่ญี่ปุ่นใช้ยกระดับสินค้าเกษตร คือ การพัฒนาตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตจนถึงวางจำหน่าย ได้แก่ การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเกษตรใหม่ๆ เช่น การปรับปรุงสายพันธุ์ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพมากขึ้นการต่อยอดและเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตรขั้นต้น เช่น การนำข้าวมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มมูลค่าตลาดด้วยการสอดแทรกเรื่องราว (Storytelling)ในสินค้าหรือขั้นตอนการผลิต ทำให้สินค้ามีความโดดเด่นน่าสนใจ ส่งผลให้สามารถตั้งราคาได้สูงขึ้น หรือแม้แต่การใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคและยังเป็นการกระตุ้นให้เกษตรกรใส่ใจในทุกกระบวนการผลิตเพื่อควบคุมคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐานตามที่กำหนด เช่นรูปร่าง ขนาด สี น้ำหนัก และรสชาติ/ระดับความหวาน เป็นต้น โดยปัจจุบันญี่ปุ่นได้มีการนำเอาเทคโนโลยีการเกษตรมาใช้ในขั้นตอนต่างๆโดยเฉพาะหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตสามารถควบคุมคุณภาพของสินค้าให้มีความสดใหม่ เช่น เครื่องสำหรับทำความสะอาด คัดขนาด ทดสอบความหวาน และเคลือบแว็กซ์สินค้า เป็นต้น รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาสินค้าระหว่างการขนส่งระยะทางไกลด้วย

ทั้งนี้ไทยจะสามารถนำแนวคิดการพัฒนาสินค้าเกษตรของประเทศต้นแบบข้างต้นมาประยุกต์ใช้แล้ว ในส่วนของภาครัฐอาจพิจารณาสร้างความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพาณิชย์ ในการพัฒนากระบวนการผลิตไปจนถึงการจำหน่ายให้มีความสมบูรณ์ครบวงจรตลอดห่วงโซ่ทั้งด้านการควบคุมคุณภาพการผลิตของสินค้าเกษตร และการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่เกษตรกรในเรื่องความสำคัญของการเก็บเกี่ยวที่ถูกวิธี รวมถึง มาตรฐานด้านการขนส่ง และคลังสินค้า โดยเฉพาะระบบโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาหรือคงคุณภาพและความสดใหม่ของสินค้าเกษตร และยกระดับองค์ความรู้ให้แก่ผู้ผลิต/ ผู้ประกอบการ ด้านกลยุทธ์การตลาด และการแสวงหาแหล่งจำหน่ายสินค้าทั้งใน และระหว่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้สินค้าเกษตรของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพต่อไป

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ชีพจรโลกธุรกิจ : 24 เมษายน 2568 ชีพจรโลกธุรกิจ : 24 เมษายน 2568
  • ‘พาณิชย์’ ดึงนักลงทุนเกาหลีใต้ร่วมขับเคลื่อนอุตฯอนาคต ‘พาณิชย์’ ดึงนักลงทุนเกาหลีใต้ร่วมขับเคลื่อนอุตฯอนาคต
  • ชีพจรโลกธุรกิจ : 11  เมษายน 2568 ชีพจรโลกธุรกิจ : 11 เมษายน 2568
  • พาณิชย์ ชง กกร.28 ก.พ.นี้ นำเครื่องฟอกอากาศ-เครื่องดูดฝุ่น เป็นสินค้าควบคุม พาณิชย์ ชง กกร.28 ก.พ.นี้ นำเครื่องฟอกอากาศ-เครื่องดูดฝุ่น เป็นสินค้าควบคุม
  • 3 ปีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ท่ามกลางความหวังสันติภาพ หนุนเศรษฐกิจการค้า 3 ปีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ท่ามกลางความหวังสันติภาพ หนุนเศรษฐกิจการค้า
  • ‘พาณิชย์’ ดีเดย์เปิดจุดขายน้ำมันปาล์มขวด 49 บาท ลดภาระค่าครองชีพประชาชน ‘พาณิชย์’ ดีเดย์เปิดจุดขายน้ำมันปาล์มขวด 49 บาท ลดภาระค่าครองชีพประชาชน
  •  

Breaking News

ป่วนหลายจุด! จุดไฟเผากล้อง-แขวนป้าย-วางวัตถุต้องสงสัย 3 อำเภอในยะลา

'ทวี'เผย'กกต.'ประสาน'ดีเอสไอ'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว

วัฒนธรรมโบราณ! พิธีล้างพระธาตุศรีสองรัก สักขีพยานสัมพันธไมตรีสองแผ่นดิน 465 ปี

ไอจีไฟลุก! 'เป้ย ปานวาด'อวดหุ่นเซ็กซี่ในชุดชั้นในลูกไม้

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved