นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า การพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของเทคโนโลยีและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อโลกในหลากหลายมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเพื่อแก้ไขปัญหาและรับมือกับผลกระทบต่างๆ จึงก่อให้เกิดแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) หมายถึง ระบบเศรษฐกิจที่มีการวางแผนและมีกระบวนการนำทรัพยากร วัสดุ และผลิตภัณฑ์ที่เหลือจากการผลิตหรือการบริโภคทั้งหมด กลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ เพื่อให้เกิดของเสียและใช้ทรัพยากรใหม่ให้น้อยที่สุด
เศรษฐกิจหมุนเวียนจึงเป็นแนวทางที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต และการบริโภค ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม ทำให้ผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมลดลง เนื่องจากการประยุกต์ใช้เศรษฐกิจหมุนเวียนจะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยชะลอการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน ทำให้สามารถนำทรัพยากรที่ใช้แล้วถูกนำกลับมาผลิตหรือใช้งานใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจเนื่องจากช่วยลดต้นทุนการผลิตเสริมประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรในการผลิตสินค้าและธุรกิจบริการ สร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยก่อให้เกิดรูปแบบธุรกิจแนวใหม่ที่ช่วยสร้างงานและสร้างรายได้ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ข้อมูลจากฐานข้อมูลด้านการตลาดและอุตสาหกรรม Statista ระบุว่า ในปี 2565 เศรษฐกิจหมุนเวียนทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 3.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าภายในปี 2569 เป็นประมาณ 7.13 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจากตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจหมุนเวียนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า แนวโน้มตลาดและการบริโภคของผู้บริโภคยุคใหม่ได้เปิดรับสินค้า ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีการประยุกต์ใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น
สอดคล้องกับข้อมูลจาก Ellen MacArthur Foundation (EMF) ที่กล่าวถึงโอกาสสําคัญต่อภาคธุรกิจที่เกิดจากการประยุกต์ใช้ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ได้แก่ (1) โอกาสในการทํากําไร (2) โอกาสด้านความมั่นคงและความยืดหยุ่นของอุปทานที่มีเพิ่มขึ้น (3)โอกาสจากความต้องการที่มีต่อโมเดลธุรกิจบริการในรูปแบบใหม่ และ (4) โอกาสในการขยายความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าใหม่
ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน จึงได้มีการจัดทำกิจกรรมผลักดันการค้าสินค้าที่สอดคล้องกับแนวเศรษฐกิจหมุนเวียนควบคู่กับความต้องการของตลาดโลก อาทิ งาน ThailandLocal BCG Plus Expo 2023 ประกอบด้วยกิจกรรมหลากหลาย ทั้งงานเสวนาเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจ และการเจรจาธุรกิจกับผู้นำเข้าในต่างประเทศ เพื่อขยายตลาดสินค้า Bio-Circular-Green-Economy (BCG) ของไทยให้กว้างขวางขึ้น และโครงการพัฒนาผลผลิตเหลือใช้ทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์สู่ตลาดสากล (DEsign from Waste of Agriculture and Industry : DEWA & DEWI) ที่มีการนำเสนอผลงานต้นแบบสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาสินค้าและออกแบบสินค้าให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการวางแผนธุรกิจและการตลาดเพื่อต่อยอดสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่ม
ภาครัฐและภาคเอกชนควรติดตามและใช้ประโยชน์จากแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยเฉพาะภาคเอกชนที่หากนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ จะได้ประโยชน์ทั้งในด้านการลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การค้า และการให้บริการ ตลอดจนมีโอกาสในการสร้างรายได้จากการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับแนวโน้มผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนจะเป็นผลดีต่อประเทศ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันผลักดันอย่างจริงจัง ก็จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของไทย และกระตุ้นให้เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเติบโตอย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี