‘ภูมิธรรม’สั่งกรมเจรจาฯ เร่งถกFTAขยายโอกาสทางการค้า

‘ภูมิธรรม’สั่งกรมเจรจาฯ เร่งถกFTAขยายโอกาสทางการค้า

วันอังคาร ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการตรวจเยี่ยมและประชุมมอบนโยบาย กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (DTN) ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) เพื่อขยายโอกาสให้สินค้าและบริการของไทย รวมทั้งดึงดูดการลงทุนจากประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย โดยเฉพาะสาขาเป้าหมายที่จะสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันภายในประเทศ จึงได้ขอให้กรมเจรจาฯมุ่งการเจรจาเชิงรุก เพื่อเปิดประตูสู่ตลาดใหม่ๆ และจัดทำแผนการเจรจา FTA ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้จัดลำดับความสำคัญและเร่งด่วน โดยคำนึงถึงประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและด้านยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ การเจรจา FTA มีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยลดอุปสรรคและสร้างแต้มต่อทางการค้าให้กับไทย เพื่อให้สามารถแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้ ดังนั้น การเจรจาต่อรองควรคำนึงถึงความสมดุล ผลดีและผลเสีย โดยเฉพาะกับกลุ่มเกษตรกร และ SMEs ที่เป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจ เพื่อให้สามารถมีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จาก FTA


อย่างไรก็ตาม การเจรจา FTA ยุคใหม่โดยเฉพาะกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ขอให้ระวัง เพราะจะมีความทันสมัย มีมาตรฐานสูง และมีประเด็นใหม่ๆ เช่น การค้าดิจิทัล สิ่งแวดล้อม แรงงาน และการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่จะถูกนำมาเชื่อมโยงกับการค้ามากขึ้น เช่น กรณีการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้รับผลกระทบจากมาตรฐานที่เข้มข้นของต่างประเทศ รัฐบาลจึงต้องทบทวนพิจารณาความเหมาะสมและเร่งแก้ไขผลกระทบให้กลุ่มชาวประมง เป็นต้น และยังขอให้ติดตามพัฒนาการเศรษฐกิจการค้าโลกให้ทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ด้วย

นอกจากนี้การเจรจา FTA แม้จะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการไทย แต่จะต้องดูแลกลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการ SMEs โดยต้องได้รับการสนับสนุนให้สามารถพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และพิจารณาแนวทางเยียวยาผลกระทบที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งต้องเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อให้สามารถนำผลจากการเจรจาไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม และควรบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานทั้งภายในและนอกกระทรวงพาณิชย์ เพื่อความเป็นเอกภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดของประเทศ

สำหรับ FTA ปัจจุบันที่อยู่ระหว่างการเจรจา เช่น ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ไทย-ศรีลังกา และไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) จะต้องเร่งปิดดีลการเจรจาให้ได้ตามเป้าหมาย ส่วน FTA ไทย-สหภาพยุโรป (EU) ก็ต้องเจรจาด้วยความระมัดระวังและยึดหลักให้เกิดประโยชน์กับไทยมากที่สุด และ FTA ที่จะเปิดเจรจาใหม่ เช่น ไทย-เกาหลีใต้ ที่อยู่ในแผนเปิดการเจรจาเพิ่มเติมในปี 2567 ถือเป็น FTA ที่จะเกิดประโยชน์กับไทยทั้งในด้านการค้า และความร่วมมือ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่มีความเข้มแข็งในการผลักดัน Soft Power ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล

น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (DTN) กล่าวว่า กรมเจรจาฯจะเดินหน้าภารกิจในการเจรจาขยายโอกาสทางเศรษฐกิจและการค้า ผ่านการจัดทำ FTA กับประเทศต่างๆ ตามนโยบายที่ได้รับ และจะจัดการประชุมหารือกับประเทศคู่ค้า เพื่อสร้างพันธมิตรด้านเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า โดยเฉพาะการเจรจาในกรอบคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ตลอดจนเข้าร่วมประชุมเจรจาในเวทีการค้าระหว่างประเทศทั้งในระดับภูมิภาคและระดับพหุภาคีขององค์การการค้าโลก (WTO) ส่วนการดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการเจรจา FTA กรมเจรจาฯอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการจัดตั้งกองทุน FTA เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีการค้าอย่างเป็นระบบ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top