น.ส.จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 2566 นี้ถือเป็นปีที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมของผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มเดลิเวอรีอย่างมีนัยสำคัญ โดยเริ่มเห็นผู้บริโภคมีการผสมผสานการใช้ชีวิตนอกบ้านเข้ากับพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ส่งผลทำให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างปรับตัวและพัฒนาบริการต่างๆ เพื่อให้สามารถตอบรับกับพฤติกรรมและบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยแกร็บได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการพัฒนาบริการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวหลายฟีเจอร์ใหม่ อาทิ กินที่ร้าน (Dine-in) ที่ครอบคลุมตั้งแต่การค้นหาและรีวิวร้านอาหาร ไปจนถึงการนำเสนอดีลส่วนลดสำหรับการทานอาหารนอกบ้าน ขณะเดียวกันยังได้เน้นโปรโมทฟีเจอร์รับเองที่ร้าน (Self Pick-up) ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของซูเปอร์แอปที่มีการพัฒนาและเป็นมากกว่าผู้ให้บริการจัดส่งอาหารหรือสินค้าเท่านั้น
ทั้งนี้แกร็บได้จัดทำรายงาน“เทรนด์การสั่งอาหารและของใช้ในบ้าน ปี 2566” เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้บริการเดลิเวอรี ทั้งการสั่งอาหารและการซื้อสินค้าในชีวิตประจำวัน พร้อมสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการแกร็บใน 6 ประเทศ ซึ่งรวมถึงไทย โดยพบเทรนด์ที่สำคัญในไทย คือ 1.เทรนด์ออมนิคอมเมิร์ซมาแรง ผู้บริโภคมีการใช้แอปพลิเคชั่น
สั่งอาหารเพื่อเชื่อมต่อกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังโควิดคลี่คลาย ซึ่งสะท้อนผ่าน 2 ฟีเจอร์ที่มาแรงคือ รับเองที่ร้านและกินที่ร้าน โดยมียอดสั่งซื้อจากทั้ง 2 ฟีเจอร์ในช่วงครึ่งปีแรก 2566 เติบโตกว่า 23 เท่า จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ขณะที่ฟีเจอร์รับเองที่ร้านมียอดใช้บริการไตรมาส 2 ปี 2566 เพิ่มขึ้นกว่า 140% จากไตรมาส 4 ปีก่อนหน้า
2.การสั่งอาหารแบบกลุ่ม ครองใจหน่มสาวออฟฟิศ อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือการสั่งอาหารแบบกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่มักใช้ฟีเจอร์นี้สั่งอาหารกลางวันมาทานร่วมกันในที่ทำงาน โดยในปี 2566 มียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 1.8 เท่าจากปีที่แล้ว และผู้ใช้บริการมียอดใช้จ่ายต่อออเดอร์เพิ่มขึ้นถึง 2.2 เท่า
3.แอปพลิเคชั่นสั่งอาหารกลายเป็นช่องทางสำคัญในการค้นหา เป็นช่องทางที่คนไทยนิยมใช้ในการค้นหาร้านอาหารมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง อยู่ที่ 71% สูงกว่าช่องทางโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์เสิร์ชเอ็นจิน ขณะที่ 95% ของผู้ใช้บริการแกร็บ เลือกค้นหาร้านอาหารหรือร้านค้าใหม่ๆ เพื่อทดลองใช้บริการผ่านเมนูค้นหาบนแอปพลิเคชั่น Grab
4.เรตติ้งและรีวิว มีอิทธิพลต่อการลองร้านใหม่การได้รับคะแนนเรตติ้งที่ดีและมีรีวิวในเชิงบวกมีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางเดลิเวอรีให้กับร้านอาหารเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันเรตติ้งและรีวิวกลายเป็นหนึ่งใน 3 ปัจจัยหลักที่คนไทยใช้ประกอบการตัดสินใจเมื่อต้องการลองสั่งอาหารจากร้านที่ไม่เคยสั่งมาก่อน
5.แพ็กเกจสมาชิก ยังคงได้รับความนิยมและเติบโตต่อเนื่อง ปัจจุบันผู้ใช้บริการแอปพลิเคชั่นหันมาสมัครแพ็กเกจสมาชิกมากขึ้น เพื่อรับส่วนลดและสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า โดยเฉพาะกลุ่ม Heavy User หรือผู้ที่มียอดใช้จ่ายสูง โดยผู้ใช้แพ็กเกจสมาชิก GrabUnlimited มียอดใช้จ่ายต่อเดือนเพิ่มขึ้นกว่าปกติ 2.6 เท่า และมีความถี่ในการใช้บริการต่อเดือนเพิ่มขึ้น 2.1 เท่า
6.ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจรักษ์โลก คนไทยกว่า 36% ยินดีที่จะจ่ายราคาที่สูงขึ้น เพื่อสนับสนุนแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนในด้าน
สิ่งแวดล้อม ขณะที่กว่า 97% มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนแบรนด์ที่มีนโยบายการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้ใช้บริการแกร็บที่เข้าร่วมกิจกรรมชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset) เพิ่มมากขึ้น 1.7 เท่า ผ่านการบริจาคเงิน 1 บาท ในทุกการสั่งอาหารหรือสินค้า เพื่อนำไปใช้ปลูกต้นไม้
สำหรับพฤติกรรมการสั่งซื้อสินค้าหรือควิกคอมเมิร์ซนั้น การสั่งซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันผ่าน GrabMart 5 สินค้ายอดนิยมที่ผู้ใช้บริการสั่งตลอดทั้งปี คือ ไข่ไก่ น้ำดื่ม ผักสด นม น้ำแข็ง ส่วน 5 สินค้าขายดีในช่วงปีใหม่ คือ กระเช้ารังนก ดอกไม้ เซตผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและเครื่องสำอาง ไอศกรีม ขนมขบเคี้ยว ขณะที่พฤติกรรมการสั่งอาหารผ่าน GrabFood 5 เมนูที่ผู้ใช้บริการนิยมสั่งมากที่สุดตลอดทั้งปี คือส้มตำปูปลาร้า กาแฟดำ ชาเขียวเย็น ลาบหมู ชาไทย และ 5 เมนูขายดีในช่วงปีใหม่คือ พิซซ่า หม่าล่า ไก่ทอด แซนด์วิช เบอร์เกอร์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี