นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนพฤศจิกายน 2566 มีมูลค่า 23,479.7ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.9% เป็นบวกต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 847,486.1 ล้านบาทการนำเข้ามีมูลค่า 25,879.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น10.1% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 944,873.4 ล้านบาทขาดดุลการค้ามูลค่า 2,399.4 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 97,387.3 ล้านบาท รวมการส่งออก 11 เดือนของปี 2566 (มกราคม-พฤศจิกายน) มีมูลค่า 261,770.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด1.5% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 9,013,183.8 ล้านบาทนำเข้ามูลค่า 267,935.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 3.8%คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 9,341,112.1 ล้านบาท ขาดดุลการค้า มูลค่า 6,165.3 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 327,928.3 ล้านบาท
การส่งออกที่เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มขึ้นของสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร 4.9% ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 7.7% ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 1.7% ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ข้าว ยางพารา อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป สิ่งปรุงรสอาหาร ผักกระป๋องและผักแปรรูป ผักสดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง กุ้งต้มสุกแช่เย็น ส่วนสินค้าที่หดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง น้ำตาลทราย ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ทั้งนี้ 11 เดือนของปี 2566 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ลด 0.5%
สินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 3.4% ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนสินค้าที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เม็ดพลาสติกเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ทั้งนี้ 11 เดือนของปี 2566 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ลด 1.5%
ขณะที่การส่งออกไปตลาดสำคัญหลายตลาดเพิ่มขึ้นตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่บางตลาดยังมีความไม่แน่นอน ท่ามกลางภาวการณ์ชะลอตัวของภาคการผลิตโลก โดยตลาดหลัก เพิ่ม4.7% จากตลาดสหรัฐฯ เพิ่ม 17.5% ญี่ปุ่น เพิ่ม 4.3%และอาเซียน (5) เพิ่ม 12.9% แต่จีน สหภาพยุโรป (27) และ CLMV ลด 3.9%, 5.0% และ 7.6% ตามลำดับ ตลาดรอง เพิ่ม 4.1% โดยเอเชียใต้ เพิ่ม 5.0% ทวีปออสเตรเลีย เพิ่ม 10.9% และรัสเซียและกลุ่ม CIS เพิ่ม 88.4% ส่วนตะวันออกกลาง ลด 4.5% แอฟริกา ลด 1.4% ลาตินอเมริกา ลด 4.2% และสหราชอาณาจักร ลด 15.0% และตลาดอื่นๆ เพิ่ม 63.1% เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 77.9%
แนวโน้มการส่งออกในเดือนธันวาคม 2566 คาดว่าจะยังทำได้ดีมีโอกาสที่การส่งออกทั้งปีจะขยายตัวติดลบน้อยกว่า 1.5% ดูสถิติของเดือนธันวาคมย้อนหลัง 5 ปีพบว่าส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าได้เท่านี้ก็จะติดลบ 1% บวกลบ แต่ถ้าได้ 2.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐจะติดลบ 0.8% และตามตัวเลขที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศประเมินถ้าได้ 25,654 ล้านเหรียญสหรัฐการส่งออกทั้งปีจะขยายตัว 0%
สำหรับปัญหาการส่งออกผ่านทางทะเลแดง ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบเพราะส่งออกสินค้าไปแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 แต่ถ้าจะมีผลกระทบก็จะเป็นช่วงเดือนมกราคม 2567 ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป ถ้าไม่ยืดเยื้อ ก็จะไม่มีผลกระทบ กระทรวงพาณิชย์นัดประชุมร่วมกับสายการเดินเรือวันที่ 26 ธันวาคม 2566 เพื่อติดตามสถานการณ์ และขอความร่วมมือพิจารณาเรื่องการปรับราคาอย่างเป็นธรรม หากจำเป็นต้องขึ้น ก็ขอให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ผู้ส่งออกเข้าใจสถานการณ์อยู่แล้ว แต่บริหารจัดการได้ ก็ขอให้ช่วยบริหารจัดการให้เหมาะสม
ส่วนเป้าหมายการส่งออกปี 2567 เบื้องต้นได้กำหนดไว้ที่ประมาณ 2% หลังจากที่ได้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชน และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกแล้ว แต่ตัวเลขเป้าหมายจริงต้องรอผลการส่งออกเดือนธันวาคมนี้ก่อน และจากนั้นจะประเมินปัจจัยภายใน ภายนอก และดูว่าเป้าหมายควรจะเป็นเท่าใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี