ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ฉลองครบรอบ 60 ปี ผลิตรถจักรยานยนต์ รุ่นพิเศษ “YAMAHA FINO FINAL EDITION” จำนวน 999 คัน โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายมาพัฒนา และผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) โดยร่วมมือหน่วยงานจากภาครัฐ และเอกชนในการเริ่มโครงการผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็ก ที่ได้มาตรฐานการผลิตสำหรับเด็กเล็ก เยาวชน รวมถึงสุภาพสตรีที่มีขนาดศีรษะขนาดเล็ก เพื่อลดการสูญเสียเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เราตระหนัก และให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน และการป้องกันอุบัติเหตุเพื่อลดการสูญเสีย ซึ่งเป็นการสานต่อนโยบายเสริมสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนของรัฐบาลมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากโครงการ และกิจกรรมต่างๆ ของยามาฮ่า เช่น การจัดตั้งสถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า (YRA) การอบรมขับขี่ปลอดภัย การสนับสนุนหมวกนิรภัยให้กับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง
“เนื่องในวาระโอกาสครบรอบ 60 ปี ของ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย จึงได้จัดโครงการหมวกกันน็อกยามาฮ่าขนาดเล็ก” (หมวกกันน็อกขนาดเล็กที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม - มอก.) เพื่อสานต่อโครงการ CSR เรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนระดับประเทศ มาร่วมกันพัฒนา และผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และลดการบาดเจ็บสูญเสียบนท้องถนนของเด็ก และเยาวชนของชาติต่อไป ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กิจกรรมเพื่อสังคมของไทยยามาฮ่ามอเตอร์ในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้เกิดหมวกนิรภัยขนาดเล็กสำหรับเด็ก และเยาวชนไทยที่มีมาตรฐาน มีผู้ผลิตให้ความสำคัญ และสนใจผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กออกสู่ท้องตลาดมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ปกครองได้นำให้บุตรหลานได้ใช้งานต่อไป”
นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ผมขอแสดงความยินดีกับ บริษัท ไทยยามาฮ่ามาเตอร์ จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลา 60 ปี แสดงถึงความเชื่อมั่นของคนไทย ในผลิตภัณฑ์ “YAMAHA”
“กรมฯ ขอสนับสนุน และขอขอบคุณทางบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และภาคเอกชนที่ร่วมจัดทำ โครงการหมวกกันน็อกยามาฮ่าขนาดเล็กเพื่อสังคม ซึ่งนับเป็นโครงการตัวอย่างที่ดีโครงการหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนขับเคลื่อน การรณรงค์เพื่อป้องกัน และลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางท้องถนนในประเทศไทย ที่เป็นวาระแห่งชาติ ที่เราทุกคนควรร่วมมือกัน”
นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ รองผู้จัดการใหญ่วางแผนการค้าและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมถึง โครงการหมวกกันน็อกยามาฮ่าขนาดเล็ก (หมวกกันน็อกขนาดเล็กที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม - มอก.) ในครั้งนี้ว่า เนื่องในวาระโอกาสครบรอบ 60 ปี ของบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เราได้จัดกิจกรรม และโครงการที่หลากหลาย ที่มีส่วนร่วมของผู้จำหน่าย และลูกค้าในทุกๆ กิจกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการเพื่อสังคมด้านความปลอดภัยทางท้องถนน เพื่อลดการสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุ ด้วยความตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ ซึ่งที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับความปลอดภัยทางท้องถนนอย่างต่อเนื่อง
และในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดี ทางบริษัทได้ผลิตรถจักรยานยนต์รุ่นพิเศษ “YAMAHA FINO FINAL EDITION” จำนวน 999 คัน ออกจำหน่าย เพื่อนำรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายไปพัฒนา และผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) จำนวน 12,000 ใบ เป็นการระดมทุนจากลูกค้าเพื่อลูกค้า และทางยามาฮ่าได้สมทบทุนเพิ่มเติม เพื่อให้สังคมนี้น่าอยู่ร่วมกัน โดยทางบริษัทฯ ร่วมมือกับร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ นำหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่ได้มาตรฐานการผลิต ไปบริจาคให้กับหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ สถานศึกษา และหน่วยงานเอกชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งต่อให้กับเด็ก และเยาวชน รวมถึงสุภาพสตรีที่มีขนาดศีรษะขนาดเล็ก ได้ใช้หมวกนิรภัยที่เหมาะสมกับขนาดของศีรษะ และได้ใช้หมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานการในการผลิต ซึ่งในโอกาสนี้ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และประชาชนทั่วไป ได้ตระหนักถึงความปลอดภัย และรับรู้ถึงโครงการนี้”
นอกจากนี้ ยามาฮ่ายังได้รณรงค์การใส่หมวกนิรภัยด้วย โดยจัดทำ VDO รณรงค์การใส่หมวกนิรภัย เผยแพร่ในช่องทางต่างๆ ทั้งของบริษัทฯ และผู้จำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงทำกิจกรรมร่วมกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศเพื่อให้เกิดการรับรู้ ให้ความรู้ และรณรงค์อย่างแพร่หลาย รวมถึงหน่วยงานรัฐต่างๆ ที่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยบนท้องถนน
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้กิจกรรมเพื่อสังคมของไทยยามาฮ่ามอเตอร์ในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการกระตุ้นที่ให้ผู้ผลิตหมวกนิรภัยร่วมกันผลิตหมวกขนาดเล็กสำหรับเด็ก เยาวชน และสุภาพสตรีที่มีขนาดศีรษะขนาดเล็กที่ได้รับมาตรฐานการผลิตที่แท้จริง ออกสู่ท้องตลาดมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้ให้เหมาะสมต่อไป
นายองอาจ ฉัตรวรชัย ผู้จัดการ บริษัท เอส.วาย.เค. ออโต้พาร์ต อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด กล่าวว่า “ก่อนอื่นทางบริษัท เอส.วาย.เค. ออโต้พาร์ต อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด รู้สึกเป็นเกียรติ และขอขอบคุณบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ที่มอบความไว้วางใจให้บริษัท ของเราได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฉลองครบรอบ 60 ปี ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ในการผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่ผ่านมาตรฐาน (มอก.) เพื่อนำไปบริจาคในกิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์ของไทยยามาฮ่า
ปัจจุบันโรงงานของเรา ถือเป็นโรงงานที่มีศักยภาพสูง และมีกำลังการผลิตกว่า 7,000 ใบ ต่อวัน มียอดขายเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ซึ่งในปี 2566 มียอดขายหมวกนิรภัยกว่า 1,000,000 ใบทั่วโลก โดยมียอดจำหน่ายในประเทศไทยประมาณ 700,000 ใบ ต่างประเทศประมาณ 300,000 ใบ และเป็นโรงงานในประเทศไทยที่ผลิตหมวกนิรภัยตามมาตรฐานการผลิตเลขที่ มอก. 369-2557 ที่ถูกปรับปรุงใหม่ โดยยึดถือมาตรฐานการผลิตของยุโรปคือมาตรฐาน ECE-2205 และมาตรฐานการผลิตจากสหรัฐอเมริกาคือมาตรฐาน DOT FMVSS-218 ซึ่งสามารถผลิต และจำหน่ายหมวกนิรภัยได้มาตรฐานส่งออกไปต่างประเทศ กว่า 30 ประเทศทั่วโลก
ซึ่งหมวกนิรภัยโดยทั่วไป ที่ได้รับมาตรฐานนี้มีขนาดเล็กสุดเริ่มต้นที่เส้นรอบวงศีรษะ 50 เซนติเมตร ที่ผ่านมา บริษัทได้ทดลองผลิต และจำหน่ายหมวกขนาดเส้นรอบวงศีรษะ ขนาด 50 เซนติเมตร แล้วพบว่ายังไม่ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานที่มีอายุน้อย หรือ สุภาพสตรีที่มีขนาดศีรษะเล็กเท่าที่ควร เนื่องจากยังมีขนาดที่เล็กเกินไป โดยจะใช้ได้แต่เด็กเล็กที่ยังไม่เหมาะแก่การโดยสารรถจักรยานยนต์ ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ปรับเพิ่มขนาดหมวกให้มีขนาดเส้นรอบวงศีรษะที่ 54 เซนติเมตร ทำให้เด็กที่มีอายุระหว่าง 7 - 11 ปี รวมทั้งสุภาพสตรีที่มีขนาดศีรษะเล็ก สามารถสวมใส่ได้อย่างปลอดภัย
ซึ่งจากโครงการของทางไทยยามาฮ่ามอเตอร์ในครั้งนี้ ทางบริษัทจะต่อยอดการผลิต และจำหน่ายหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) สำหรับเด็ก เยาวชน และสุภาพสตรีที่มีขนาดศีรษะขนาดเล็กในราคาที่เหมาะสม เพื่อสนองนโยบายภาครัฐ ในการช่วยป้องกันการสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
นายอนุรักษ์ ชัยวิเชียร ผู้อำนวยการกลุ่มควบคุมมาตรฐาน6 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่างว่า “ในปัจจุบันประเทศไทยมีการผลิตและนำเข้าหมวกนิรภัย ซึ่งจะต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มอก.369-2557 ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล UNECE Regulation No. 22 โดยครอบคลุมหลายด้าน เพื่อประเมินความปลอดภัย และความทนทานของหมวกนิรภัย มีรายละเอียดการทดสอบ เช่น การทดสอบการดูดกลืนแรงกระแทก การทดสอบความคงรูป การทดสอบสายรัดคาง การทดสอบการคงตำแหน่งบนศีรษะ การทดสอบคุณลักษณะแผ่นบังลม (ถ้ามี)
โดยการทดสอบเหล่านี้ออกแบบมา เพื่อให้แน่ใจว่าหมวกนิรภัยที่ผ่านมาตรฐาน มอก. 369-2557 มีความปลอดภัยสูงสุดเมื่อใช้งานจริงบนท้องถนน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกิดการกระแทกหรืออุบัติเหตุ ซึ่งมาตรฐานนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2559 เป็นต้นมา โดยผู้ผลิต และผู้นำเข้าหมวกนิรภัย จะต้องได้รับใบอนุญาตจาก สมอ. ก่อนที่จะผลิตหรือนำเข้ามาจำหน่ายจ่ายแจก และต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 อย่างเคร่งครัด และหากพบว่ามีการกระทำความผิดจะถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
ทั้งนี้ บทลงโทษเป็นไปเพื่อปกป้องคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าที่มีคุณภาพ สำหรับการเลือกซื้อหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ควรพิจารณาสังเกตเครื่องหมาย มอก. พร้อม QR Code ที่แสดงอยู่บนผลิตภัณฑ์หรือกล่องบรรจุที่ผู้บริโภคสามารถสแกน QR Code เพื่อตรวจสอบรายละเอียดผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ที่ได้รับอนุญาตจาก สมอ. ได้ ทั้งนี้ หากพบว่าไม่เป็นไปตามที่กำหนด สามารถแจ้งหรือร้องเรียนมาที่ สมอ. ผ่านเว็บไซต์ www.tisi.go.th และอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน มอก. หากเกิดอุบัติเหตุอาจได้รับอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต เนื่องจากผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน แต่หากใช้หมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานก็จะช่วยลดความสูญเสียลงได้
นายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า “ก่อนอื่นผมต้องขอแสดงความยินดีกับ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาถึง 60 ปี และยินดีกับการมุ่งพัตนามาตรฐานหมวกนิรภัยสำหรับรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะหมวกนิรภัยขนาดเล็กเพื่อเด็ก เยาวชน และสุภาพสตรี ให้ได้ใช้หมวกนิรภัยที่ได้รับมาตรฐานการผลิต เพื่อลดการสูญเสียเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์บนท้องถนน ซึ่งประเทศไทยรับหลักการข้อตกลงของมติสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่ 74/299 “ประกาศทศวรรษแห่งความปลอดภัย ทางถนนในปี ค.ศ. 2021 – 2030” (Decade of Action for Road Safety 2021 - 2030) และได้ประกาศเป็นเป้าหมายของแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนฉบับปัจจุบันแล้วว่า มุ่งลดจำนวนผู้เสียชีวิตบนท้องถนนลง ให้ได้เกินครึ่งหนึ่งภายในปี พ.ศ. 2570 คือ เหลือเพียงประมาณ 8,000 กว่าราย นั่นคือลดลงเกินครึ่งเร็วขึ้นกว่าข้อตกลงจากเวทีโลก
โดยจากสถิติของการเกิดอุบัติเหตุในปี พ.ศ. 2565 มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร ประมาณ 17,000 ราย กว่าร้อยละ 80 เกิดกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิตเกิดจากการไม่สวมใส่หมวกนิรภัยหรือหมวกกันน็อก โดยในประเทศไทยมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่สวมหมวกนิรภัยเพียงร้อยละ 40 - 50% ซึ่งถือว่าน้อยหากเปรียบเทียบกันกับประเทศอื่นๆ และยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่โดยสารรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย มีผู้ที่สวมหมวกนิรภัยเป็นจำนวนน้อยมากๆ การเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์จึงมีความแตกต่างกัน โดยคนที่ไม่สวมหมวกนิรภัยเสียชีวิตมากกว่าคนที่สวมหมวกนิรภัยถึงร้อยละ 40% แปลว่า ถ้าคนไทยร่วมใจสวมหมวกนิรภัยมากขึ้น การเสียชีวิตโดยรวมของไทยน่าจะลดลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการรณรงค์ และบังคับให้ทุกคนสวมหมวกนิรภัย เป็นกุญแจสำคัญที่จะลดการบาดเจ็บ และการเสียชีวิตบนท้องถนนได้ แต่การสร้างความมั่นใจว่าทุกคนจะได้สวมหมวกนิรภัยที่มีมาตรฐาน มีคุณภาพ ไม่แพงเกินเอื้อม สามารถสวมใส่ และรัดคางได้อย่างถูกต้อง จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทาย และเร่งด่วนมากในขณะนี้ เพื่อจะได้ไม่เพียงลดการเสียชีวิต แต่ยังคงปกป้องการกระทบกระเทือนต่อสมอง โดยเฉพาะสมองของเด็ก และเยาวชน”
สำหรับหมวกนิรภัยขนาดเล็กภายใต้ “โครงการหมวกกันน็อกยามาฮ่าขนาดเล็ก” (หมวกกันน็อกขนาดเล็กที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม - มอก.) ได้มีการออกแบบโดย บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เน้นสีสันที่สดใส มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 54 เซนติเมตร เหมาะกับเด็ก และเยาวชน อายุระหว่าง 7 - 11 ปี หรือ สุภาพสตรีที่มีศีรษะขนาดเล็ก ควบคุมการพัฒนา และผลิตโดย บริษัท เอส.วาย.เค. ออโต้พาร์ต อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตหมวกนิรภัยชั้นนำของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์สินค้า INDEX ซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิตหมวกนิรภัยตามมาตรฐานการผลิตเลขที่ มอก. 369-2557
โดยบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จะมีการผลิตจำนวน 12,000 ใบ และจะบริจาคส่งมอบให้กับหน่วยงานภาครัฐ สถานศึกษา และหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้อง ภายในปี 2567 โดยร่วมกับผู้จำหน่ายในแต่ละพื้นที่ในการส่งมอบหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานให้กับเด็ก และเยาวชน เพื่อสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี