นายภูวิณ หน่อชูเวช หุ้นส่วนสายงานดีลส์ บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2567 นี้กิจกรรมการควบรวมมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทั้งด้านปริมาณและมูลค่า เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่คาดว่าจะต่ำลงเป็นผลมาจากการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มจะลดลง นอกเหนือจากนั้น ปัจจัยสนับสนุนยังรวมถึงเสถียรภาพทางการเมืองที่ชัดเจนมากขึ้น และสภาวะทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและทั่วโลกที่คาดว่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น
การควบรวมกิจการทั่วโลกในอุตสาหกรรมบริการทางการเงินคาดว่าจะเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่าในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีก่อนตามข้อมูลจากรายงาน Global M&A Trends in Financial Services: 2024 Outlook ของPwC โดยในปี 2566 ปริมาณและมูลค่าการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมบริการทางการเงินทั่วโลกปรับตัวลดลง 12% และ 40% ตามลำดับ
นายภูวิณ กล่าวว่า อุตสาหกรรมบริการทางการเงินของไทยจะเป็นจุดสำคัญของการทำดีลในปีนี้ โดยเฉพาะภาคธนาคาร ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเตรียมออกใบอนุญาตธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา(virtual bank)ไม่จำกัดจำนวนของธนาคารแห่งประเทศไทย มีเป้าหมายเพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบและกลุ่มที่ยังไม่ได้รับบริการที่ดีเพียงพอ หรือไม่ตอบโจทย์ความต้องการของตน การออกใบอนุญาตดังกล่าว จะส่งผลให้มีผู้เล่นรายใหม่ในวงการธนาคารและทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (strategic alliance) กับผู้ประกอบการที่มิใช่สถาบันการเงิน(นอนแบงก์) เช่น บริษัทเทคโนโลยี โทรคมนาคม หรือค้าปลีกเพื่อขยายการเติบโต อีกทั้งเพิ่มการลงทุนเพื่อสร้างความสามารถด้านดิจิทัลแบงก์กิ้งในลำดับถัดไป
นอกจากนี้ การที่อัตราการผิดนัดชำระคืนหุ้นกู้ในภาคเอกชนเพิ่มสูงขึ้น ยังส่งผลให้ธนาคารต่างๆ เร่งหาแนวทางช่วยเหลือลูกค้าในการแก้ปัญหาทางการเงินต่างๆ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้และกิจกรรมการระดมทุนผ่านช่องทางอื่นๆ รวมไปถึงการซื้อขายหรือควบรวมกิจการ เช่น การขายสินทรัพย์หรือธุรกิจบางส่วนซึ่งเป็นผลพวงจากสถานการณ์ทางการเงินที่ประสบปัญหา
นายภูวิณ กล่าวว่า กิจกรรมการควบรวมจะเกิดขึ้นในกลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัย (non-life insurance) สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันมีบริษัทประกันภัยทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่รวมกันอยู่ประมาณ 50 แห่ง ซึ่งในระยะถัดไป บริษัทขนาดเล็กที่ฐานเงินทุนไม่สูงอาจต้องเผชิญความท้าทายในแง่การเติบโตและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอีกทั้งการดำรงเงินกองทุนตามกฏหมายก็อาจสร้างแรงผลักดันให้มีการควบรวมกิจการ เนื่องจากบริษัทจำเป็นที่จะต้องดำรงเงินกองทุนขั้นต่ำให้สอดคล้องกับกฎระเบียบด้านเงินทุนตามความเสี่ยง เช่น กรอบการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงระยะที่ 2 หรือที่เรียกว่าRBC 2 หรือมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 หรือ TFRS17 ตามที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนด
นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่ในธุรกิจประกันภัยโดยเฉพาะธุรกิจที่มีฐานลูกค้าจำนวนมาก เช่น ผู้ให้บริการการชำระเงิน ค้าปลีก และนอนแบงก์ จะต้องการขยายช่องทางสร้างรายได้ไปยังธุรกิจอื่นด้วยการซื้อธุรกิจประกันภัย ซึ่งดีลในธุรกิจประกันภัยลักษณะนี้จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ก็ยังคงเป็นประเด็นสำคัญเชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะสำหรับธนาคารและบริษัทประกันภัยที่เทคโนโลยีได้กลายเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งธนาคารและบริษัทประกันภัยจะต้องแสวงหาพันธมิตรเพื่อช่วยขยายระบบนิเวศ ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ในทางกลับกัน บริษัทฟินเทคเองก็จะต้องการพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น ธนาคาร และบริษัทประกันภัยที่สามารถเข้ามาสนับสนุนเงินทุนเพื่อพัฒนาระบบนิเวศและสร้างรูปแบบทางธุรกิจที่มีศักยภาพได้
นายภูวิณ กล่าวว่าขณะที่กำลังรอดูทิศทางต้นทุนทางการเงิน ถือเป็นโอกาสที่ธุรกิจต่างๆ จะได้กลับมาทบทวนเป้าหมายที่แท้จริงของการทำดีลว่า ต้องการเพิ่มขนาดพอร์ตการลงทุนขยายระบบนิเวศ หรือเพิ่มความสามารถใหม่ๆเมื่อระบุเป้าหมายได้แล้วจึงค่อยประเมินว่าเป้าหมายนั้นๆ คุ้มค่ากับต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการทำดีลให้เสร็จสิ้นหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี