นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันที่ 19 เมษายน 2567 เป็นวันสุดท้ายของการสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 1 บาท ของกระทรวงการคลัง และเพื่อเป็นการลดภาระให้กับประชาชนผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติให้รักษาระดับราคาน้ำมันดีเซล โดยจะมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตร ไปพลางก่อน และอาจจำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นราคาเป็นแบบขั้นบันได เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้มีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
โดยปัจจุบันสถานะกองทุนฯ ติดลบไปแล้วกว่า103,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 56,407 ล้านบาท ส่วนก๊าซ LPG ติดลบ 47,213 ล้านบาท ปัจจุบันมีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซล อยู่ที่4.77 บาทต่อลิตร หรือคิดเป็นเงินประมาณกว่า 8,000 ล้านบาทต่อเดือน หากไม่มีการชดเชย ราคาน้ำมันดีเซลที่แท้จริงจะอยู่ที่ประมาณ 36 บาทต่อลิตรและหากปล่อยให้มีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลในระดับเดิมต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้กองทุนฯ ติดหนี้เพิ่มมากขึ้น อาจจะกระทบกับวินัยการเงินและระดับความน่าเชื่อถือของกองทุนฯ ได้
“ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ได้ช่วยลดราคาน้ำมันดีเซลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ แต่เนื่องจากการชดเชยราคาน้ำมันที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กองทุนฯ ต้องชดเชยราคาน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันสถานะกองทุนฯติดลบกว่า 103,000 ล้านบาท ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน โดยกองทุนฯได้เข้ามาบริหารจัดการราคาน้ำมันดีเซล ภายหลังจากหมดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 1 บาท ในวันที่ 19 เมษายน 2567 โดยจะมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเพียง 50 สตางค์ต่อลิตร และในอนาคตอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันแบบขั้นบันได เนื่องจากสถานะกองทุนฯ มีหนี้คงค้างค่อนข้างสูง อีกทั้งสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง อาจส่งผลทำให้ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นกระทรวงพลังงานจะพยายามรักษาระดับราคาน้ำมันให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงภาระของประชาชนเป็นหลัก แต่ก็ต้องพิจารณาถึงภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปพร้อมกันด้วย และเตรียมหามาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า” นายวีรพัฒน์ กล่าว
นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพไทย ว่า ราคาน้ำมันไบโอดีเซล อ้างอิงวันที่ 15-21 เมษายน 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 38.18 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 0.81 บาท/ลิตร จากราคาผลปาล์มน้ำมัน ณ วันที่ 9-11 เมษายน 2567 เฉลี่ย 35.96 บาท/กิโลกรัม (กก.) ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซีย เฉลี่ยอยู่ที่ 34.45 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 0.40 บาท/กก. ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ 241,270 ตัน ส่วนสต๊อกน้ำมันไบโอดีเซล B100 อยู่ที่ 62.29 ล้านลิตร
สำหรับสถานการณ์การผลิตปาล์มน้ำมันของไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีพื้นที่ให้ผลผลิต 5.81 ล้านไร่ มีอัตราสกัดน้ำมันเฉลี่ย 17.61% มีผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบ 190,078 ตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 3.03 ตัน/ไร่ และมีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ 10,961 ตัน โดยมีความต้องการใช้ในประเทศด้านบริโภคและอุตสาหกรรมอื่น 121,453 ตัน รวมทั้งมีความต้องการใช้ในประเทศด้านน้ำมันไบโอดีเซล 81,373 ตัน นอกจากนี้มีการใช้น้ำมันดีเซล 69.57 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.69 ล้านลิตร/วัน ส่วนปริมาณใช้น้ำมันไบโอดีเซล B100 อยู่ที่4.71 ล้านลิตร/วัน และมีปริมาณการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล B100 อยู่ที่ 4.76 ล้านลิตร/วัน
ราคาเอทานอลของไทยอ้างอิงเดือนเมษายน 2567อยู่ที่ 31.18 บาท/ลิตร ราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.09 บาท/ลิตร ปรับเพิ่มเนื่องจากราคามันสำปะหลังในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนกากน้ำตาลราคายังคงทรงตัว ปัจจุบันมีโรงงานเอทานอลที่ผลิตเพื่อจำหน่ายเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง 28 โรง กำลังการผลิตติดตั้ง
รวม 6.77 ล้านลิตร/วัน ผลิตจริงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ 4.57 ล้านลิตร/วัน มีปริมาณการใช้ในภาคเชื้อเพลิงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ 3.44 ล้านลิตร/วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี