นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ร่วมหารือกับนายหนง เซิงเหวิน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประจำนครหนานหนิงสาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ เกี่ยวกับยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม 4.0 ของประเทศไทยตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าของไทย โดยไทยกับจีนมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน และจีนถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย เป็นเวลา 12 ปี ติดต่อกันด้วย
กระทรวงอุตสาหกรรม ได้วางนโยบายการพัฒนาเพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมเดิมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ จึงได้ผลักดันนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งได้ขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมการใช้และการผลิตยานยนต์ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปี 2566 ไทยขึ้นเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคที่มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสูงสุด และมีผู้ผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
“ปัจจุบันรถไฟฟ้าจากจีนสามารถทำตลาดที่ไทยได้อย่างต่อเนื่องและมีท่าทีที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เห็นได้จากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนที่เพิ่มขึ้นในงานมหกรรมยานยนต์ ต่างๆ และในวันนี้ก็มีนักลงทุนจากจีนที่มาตั้งโรงงานผลิตในไทยร่วมด้วย ถือเป็นโอกาสที่ดีในการได้หารือและแนะนำระหว่างกัน และอยู่ระหว่างการประสานกับกระทรวงฯเกี่ยวกับการยื่นขอ ECO STICKER สำหรับรถไฟฟ้าด้วย โดยในอนาคตจะมีการลงทุนเกี่ยวกับโรงงานแบตเตอรี่ในไทยด้วยอย่างไรก็ดีทางนครหนานหนิงได้ให้ความสนใจในเรื่องการนำเข้าทุเรียน ยางพารา และสมุนไพรจากไทยด้วย โดยจะหารือถึงแนวทางความร่วมมือกันในโอกาสต่อไป”นางสาวพิมพ์ภัทรากล่าว
รัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมยังให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมอื่น เช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ รวมทั้งอุตสาหกรรมดั้งเดิมที่มีศักยภาพสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ อาทิ อุตสาหกรรมฮาลาล รวมถึงยา เครื่องสำอาง และสปาฮาลาล ตลอดจนการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบอุตสาหกรรมตามนโยบาย รัฐบาลดิจิทัล และการกำกับดูแลการประกอบอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล รวมทั้งการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพให้สามารถดำรงอยู่ได้ภายใต้การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และตระหนักถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น
“การพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือของไทยและจีน โดยความร่วมมือกับนครหนานหนิง ซึ่งได้วางเป้าหมายให้เป็นเมืองหลวงของโลจิสติกส์ ศูนย์กลางการกระจายสินค้าและเป็นประตูการค้าของจีนสู่อาเซียนรวมถึงประเทศไทย อีกทั้งนครหนานหนิงยังเร่งดำเนินนโยบายการยกระดับศักยภาพการสร้างสรรค์นวัตกรรม และให้ความสำคัญกับสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการสร้างความเข้มแข็งและเติบโตผ่านโครงการบ่มเพาะ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งถือเป็นผลดีกับภาคอุตสาหกรรมไทย และอาจมีความร่วมมือใหม่ๆในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยได้ในอนาคต” นางสาวพิมพ์ภัทรากล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี