วันเสาร์ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
ชี้การค้าโลกปั่นป่วน  EXIMแนะ3กลยุทธ์รับมือ

ชี้การค้าโลกปั่นป่วน EXIMแนะ3กลยุทธ์รับมือ

วันศุกร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567, 06.00 น.
Tag : EXIM
  •  

ฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ระบุว่าผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการ ค่อนข้างแน่ชัดว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนถัดไปโดยแนวนโยบายของทรัมป์ที่สำคัญ ได้แก่ 1.การค้า ซึ่งจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมดจากจีนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 60% และประเทศอื่นเพิ่มเป็น 10% 2.การลงทุนจะมีการดึงดูดการลงทุนกลับสู่สหรัฐฯ โดยใช้มาตรการจูงใจทางภาษี 3.นโยบายสีเขียว ที่อาจถอนตัวจากข้อตกลง Paris Agreement และอาจชะลอร่างกฎหมาย Clean Competition Act ซึ่งเป็นการเก็บภาษีคาร์บอนกับสินค้าที่มีการปล่อยคาร์บอนสูง และ 4.การเมืองโลกนั้นสหรัฐฯ สนับสนุนอิสราเอลชัดเจนซึ่งโดยรวมนโยบายของทรัมป์จะส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนต่อทิศทางการค้าการลงทุนโลกในหลายด้าน ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมพร้อมรับมืออย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ ในเบื้องต้น สามารถประเมินผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากแนวนโยบายของทรัมป์ นั้นทางการค้าไทยได้ไม่คุ้มเสียจาก Trade War รอบใหม่เนื่องจากโอกาสส่งออกสินค้าไทยไปแทนที่สินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ มีไม่มาก เพราะกลุ่มสินค้าที่ถูกเก็บภาษีใหม่(ไม่เคยถูกเก็บจาก Trade War รอบแรก)ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Consumer Goods เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เสื้อผ้า รองเท้า และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งไทยไม่ได้เป็นฐานการผลิตที่สำคัญอยู่แล้วอีกทั้งยังมีขีดความสามารถในการแข่งขันต่ำกว่าประเทศอื่น อาทิ เวียดนาม และเม็กซิโก นอกจากนี้ นโยบายของทรัมป์ยังอาจทำให้สถานการณ์สินค้าจีนทะลักเข้าไทยรุนแรงขึ้น จากการระบายสินค้าส่วนเกินของจีน โดยเฉพาะในกลุ่ม Consumer Goods ไปยังประเทศอื่น


ขณะที่ ด้านการลงทุน กระแสการย้ายไปลงทุนในประเทศที่วางตัวเป็นกลาง (Conflict-free Countries)ยังดำเนินต่อไป แต่อยู่ภายใต้ภาวะกดดันเพิ่มขึ้น เนื่องจากภายใต้การบริหารงานของทรัมป์มักดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้ากับประเทศต่างๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ประเทศที่จีนย้ายฐานลงทุนไปผลิตสินค้าเพื่อเลี่ยงสงครามการค้าเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกใช้มาตรการทางการค้าจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้นส่วนนโยบายสีเขียว กลไกการลดคาร์บอนโลกอาจสะดุด และส่งผลต่อการผลักดันเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของไทยทางอ้อม เนื่องจากการที่สหรัฐฯ อาจชะลอกฎหมาย Clean Competition Act ลดแรงกดดันต่อธุรกิจส่งออกไทยในการปรับตัวเพื่อลดคาร์บอน ซึ่งอาจมองเป็นมุมบวกของภาคธุรกิจได้ในระยะสั้นเนื่องจากไม่ต้องเร่งลงทุนเพื่อปรับตัวแต่ก็จะส่งผลเสียต่อการผลักดันเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของไทยในระยะถัดไป ด้านความขัดแย้งในตะวันออกกลางสถานการณ์อาจยกระดับความรุนแรงได้ง่ายขึ้น เนื่องจากอิสราเอลจะกล้าดำเนินมาตรการทางทหารเชิงรุกมากขึ้นหลังรู้ว่าจะมีสหรัฐฯ คอยหนุนหลังอย่างเต็มที่ ซึ่งอาจขยายวงความวุ่นวายในตะวันออกกลาง และจะส่งผลให้ราคาพลังงานและต้นทุนการขนส่งสินค้าปรับขึ้นรุนแรง

ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะหวือหวาในระยะสั้น แต่จะเผชิญความเสี่ยงหลายด้านในระยะข้างหน้า โดยการมาของทรัมป์จะทำให้ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ได้ประโยชน์จากนโยบายลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% เหลือ 15% และทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับขึ้นเพื่อขานรับนโยบาย แต่สหรัฐฯ อาจต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อที่จะตามมาหลังการขึ้นภาษีนำเข้า และทำให้ Fed อาจพิจารณาชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 นอกจากนี้ นโยบายลดภาษีจะขยายการขาดดุลงบประมาณให้เพิ่มขึ้นถึง 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลา 10 ปี ซึ่งบั่นทอนเสถียรภาพทางการคลังและซ้ำเติมปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงถึง 122% ต่อ GDP (ปี 2566)

ขณะที่สถานการณ์ค่าเงินบาท จะผันผวนในทิศทางอ่อนค่า โดยในระยะสั้น เงินทุนมีแนวโน้มไหลกลับเข้าสหรัฐฯ เพื่อเก็งกำไรในตลาดหุ้นหลังรับรู้ผลการเลือกตั้ง ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นและเป็นปัจจัยกดดันให้เงินบาทผันผวนในทิศทางอ่อนค่า อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไป การชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปี 2568 และปัจจัยทางเศรษฐกิจของไทย เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาจทำให้ค่าเงินบาทกลับมาผันผวนในทิศทางแข็งค่าได้

ดังนั้นเพื่อเตรียมรับมือกับทิศทางการค้าการลงทุน และการเมืองโลก ที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไป ไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรักษาสมดุลระหว่างสองประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน โดยเน้นการรักษาความเป็นกลางเพื่อให้ไทยสามารถรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนกับทั้งสองประเทศได้อย่างเหมาะสม ขณะที่ภาคธุรกิจอาจต้องเตรียมพร้อมรับมือ โดยเน้นกลยุทธ์สำคัญ 1.รุกเข้าตลาดหรือเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนในประเทศที่เป็น Conflict-free Country ซึ่งได้ประโยชน์จากความขัดแย้ง เช่น อินเดีย และเวียดนาม ทั้งในแง่ของการค้าระหว่างประเทศ และการขยายการลงทุนไปยังประเทศดังกล่าว 2. ลดความเสี่ยงจากความผันผวนด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำ Foreign Exchange Forward Contract เพื่อป้องกันความผันผวนของค่าเงิน แม้ว่าเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่าอาจทำให้ผู้ส่งออกบางส่วนเล็งเห็นถึงประโยชน์จากส่วนต่างค่าเงินดังกล่าว แต่การส่งออกที่เน้นการเก็งกำไรค่าเงินถือว่าเสี่ยงเกินไปในภาวะที่โลกต้องเผชิญความผันผวนสูงในปัจจุบัน นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังควรพิจารณาการทำประกันการส่งออก (Export Credit Insurance) และประกันความเสี่ยงการลงทุน (Investment Insurance) เพื่อลดเหตุความไม่แน่นอนในประเทศคู่ค้าซึ่งอาจมีมากขึ้นจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มรุนแรงภายใต้การดำเนินงานของทรัมป์

กลยุทธ์ที่ 3.คือรักษาแนวทางการดำเนินงานที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการที่สหรัฐฯ อาจถอนตัวออกจากกลไกการลดโลกร้อน ยิ่งทำให้ประเทศต่างๆ รวมถึงไทย ต้องพยายามมากขึ้นในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้การผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือการดำเนินงานที่ลดคาร์บอนจะช่วยให้ธุรกิจสามารถรักษาตำแหน่งในห่วงโซ่อุปทานโลกยุคใหม่ได้มั่นคงยิ่งขึ้น

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • EXIM BANK คว้า 2 รางวัลคุณภาพแห่งชาติ TQC Plus EXIM BANK คว้า 2 รางวัลคุณภาพแห่งชาติ TQC Plus
  • ตลท.ผนึกEXIMหนุนบจ.เข้าถึง‘สินเชื่อสีเขียว’ ตลท.ผนึกEXIMหนุนบจ.เข้าถึง‘สินเชื่อสีเขียว’
  •  

Breaking News

เริ่มแล้ว!!! การแข่งขันเรือใบ Trat Regatta 2025 ระดับนานาชาติครั้งแรกในจังหวัดตราด

'โฆษก​ มท.'แจงแล้ว! ​ปมเรียก​สรรพนาม'คุณลูกค้า'แทน'คุณลุง​-​คุณป้า'

ด่วน!เปิดชื่อ 55 สว. เรียกรับทราบข้อหาปม'คดีฮั้ว' แบ่งเป็น 3 ลอต

ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติ'แพทยสภา'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved