นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท งวดไตรมาส 4/2567 มีรายได้จากการขายไฟฟ้าและบริการ 980.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 242.6 ล้านบาท หรือ 32.9% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงาน (COP) อยู่ที่ 301.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.0 ล้านบาท หรือ 82.2% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน
ในขณะที่ผลดำเนินงานในปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567) บริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าและบริการ 3,465.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 393.6 ล้านบาท หรือ 12.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรหลักจากการดำเนินงาน (COP) อยู่ที่ 824.9 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้รายได้บริษัทเพิ่มขึ้น มาจากปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าสะสมปี 2567 จำนวน 619,376 เมกะวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้น 14.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยหลักจากรายได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานลม จำนวน 1,219.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 624.8 ล้านบาท หรือ 105.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเข้าซื้อหุ้น บริษัท วินชัย จำกัด ทั้ง 100% ขยายพอร์ทโรงไฟฟ้าพลังงานลมจากโครงการร่มเกล้าวินฟาร์ม อีก 45 เมกะวัตต์ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 และเริ่มรับรู้รายได้ ค่าใช้จ่าย และต้นทุนทางการเงิน ตั้งแต่ไตรมาส 1/2567 เป็นผลให้กดดันกำไรหลักจากการดำเนินงานอ่อนตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ SPN ขนาด 40 เมกะวัตต์ ที่ Adder หมดในไตรมาส 1/68 นั้น ทำให้รายได้จากเงินสนับสนุนของภาครัฐหายไป แต่มีรายได้จากโครงการร่มเกล้าวินฟาร์ม เข้ามาช่วยสนับสนุน ประกอบกับการทำ Repowering โครงการ SPN เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายแล้วเสร็จกลางปี 2568
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2567 เป็นเงินสดอีกในอัตรา 0.20 บาท/หุ้น เตรียมขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในงาน AGM วันที่ 25 เมษายน 2568 และเตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 กำหนดจ่ายเงินวันที่ 21 พฤษภาคม 2568
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 บริษัทประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ Green Bond 2 ชุด วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระคืนหนี้หุ้นกู้เดิมที่กำลังจะครบกำหนดไถ่ถอน และรองรับการขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อีกหลายโครงการในอนาคต โดยจะเริ่มประเดิม COD โครงการโซลาร์ฟาร์ม LEO 2 ที่ประเทศญี่ปุ่น ขนาด 16.4 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 4/2568 และ COD โครงการใหม่ต่อเนื่องอีก 158.9 เมกกะวัตต์ ในปี 2569
‘แม้สภาพตลาดทุนของไทยในปัจจุบันจะมีความผันผวนสูง กระทบกับราคาหุ้นทุกบริษัท แต่อยากให้นักลงทุนเชื่อมั่นแผนการดำเนินงานของบริษัท โครงการในอนาคตตามแผน Pipeline อีกกว่า 410.3 เมกะวัตต์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่พร้อมจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทต่อเนื่องในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทพยายามอย่างเต็มที่ในการบริหารต้นทุนทางการเงิน เตรียมความพร้อมของกระแสเงินสด รองรับการขยายการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้กับบริษัท’นายวรุตม์ กล่าว
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี