ออโต้แบคส์ ประเทศไทย (Autobacs Thailand) ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ในกลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เดินเกมรุกตลาดศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรในประเทศไทย ด้วยการให้บริการที่มีคุณภาพ มาตรฐาน No.1 จากประเทศญี่ปุ่น

นายรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน บริษัทพีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เผยว่า“หลายปีที่ผ่านมา เราพบว่าจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่ออโต้แบคส์ ซึ่งเป็นแบรนด์ศูนย์ซ่อมบำรุง และศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความแข็งแกร่งของเครือข่าย PT Max Card ผนวกกับการควบคุมการให้บริการทุกสาขามาตรฐานเดียวกัน ภายใต้วิสัยทัศน์แห่งการเป็นแบรนด์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ทำให้ ออโต้แบคส์ประเทศไทย กำไรเติบโต 70.9% โดยปัจจุบันมี 117 สาขาทั่วประเทศไทย”

“เรามุ่งมั่นในการจัดหาผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีคุณภาพ พนักงานทุกคนได้ผ่านการอบรมและการทดสอบที่เข้มข้นและราคาที่โปร่งใส พร้อมมุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบาย และเป็นมิตร นอกจากนี้ ยังมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษ และส่วนลดเฉพาะสำหรับสมาชิกบัตร Max Card, Loyalty program เรามั่นใจว่า คุณภาพสินค้า และการให้บริการ ที่มาพร้อมกับความสะดวกสบายเหล่านี้ ทำให้เราแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นๆ”

สำหรับปีนี้ พีทีจีจะรุกตลาดโดยการใช้ประโยชน์ จากฐานสมาชิกบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus ที่มีอยู่ 25 ล้านสมาชิก ที่ถือเป็นแต้มต่อสำคัญ ในการขยายกลุ่มผู้ใช้บริการให้มีมากขึ้นเหนือคู่แข่งในตลาด โดยลูกค้าที่ใช้บริการของออโต้แบคส์ นอกจากจะมั่นใจในคุณภาพของสินค้า และบริการที่ได้มาตรฐานในระดับสากลแล้วนั้น ยังได้รับสิทธิประโยชน์ จากการสะสมคะแนนสมาชิก ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้เป็นส่วนลดที่ออโต้แบคส์ หรือ ร้านค้าในเครือของพีทีจี ที่ร่วมรายการ โดยวางเป้าหมายให้ ออโต้แบคส์ ก้าวสู่การเป็น Top of Mind ของศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรที่พร้อม “ครบ-เคลียร์-จบ ทุกเรื่องรถ” ที่ AUTOBACS รวมทั้ง สามารถสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าอย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน สถานีบริการน้ำมันพีที มีมากกว่า 2,229 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ ครบครันด้วยบริการหลากรูปแบบ อาทิ ร้านค้าสะดวกซื้อ “Max Mart” “ร้านกาแฟ พันธุ์ไทย” รวมทั้ง “Auto bacs” ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร มาตรฐานจากญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้องตามวิสัยทัศน์ของ PTG ในการพัฒนาสังคมให้ “อยู่ดี มีสุข” ต่อไป