กลุ่มบริษัทดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้นำธุรกิจด้านการโรงแรมและบริการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลกของไทยที่ดำเนินธุรกิจและการบริการมากว่า 70 ปี ก้าวสู่บทใหม่ของการเติบโตอย่างมั่นคงในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี ภายใต้พันธกิจในการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด เพื่อความเป็นเลิศในทุกมิติ เดินหมากโครงการสำคัญ รุกพลิกพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์และความทรงจำ “หัวหิน” เปิดโครงการครั้งสำคัญ “ดุสิต อจารา หัวหิน” (Dusit Ajara Hua Hin) มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท ตอบโจทย์ความสุขของ Multi-generational Living แห่งการอยู่อาศัยทุกช่วงวัยด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ด้วยความหรูหราและคุณค่าในเอกสิทธิ์ที่เหนือกว่าและไม่เหมือนใคร เพื่อส่งมอบมรดกแห่งความเป็นเลิศจากรุ่นสู่รุ่น
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กลุ่มดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล คือ ผู้นำอุตสาหกรรมการบริการระดับโลก ที่มุ่งยกระดับมาตรฐานบริการ ผสมผสานความหรูหราแบบไทยกับความทันสมัยไปให้คนทั่วโลกได้รู้จัก โดยวางกลยุทธ์เพิ่มการพัฒนาศักยภาพสินทรัพย์และธุรกิจในเครือให้มีขีดความสามารถแข่งขันในตลาดประเทศไทยและตลาดโลกได้ ดังนั้น กลุ่มดุสิตธานีจึงมีความยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับการนำเสนอโครงการ “ดุสิต อจารา หัวหิน” ที่สะท้อนความมุ่งมั่นของกลุ่มดุสิตธานีในการขยายตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี ในรูปแบบ Branded Residences ให้ตอบโจทย์ความต้องการด้าน Well-being สร้างสุขภาพกายและใจ และเป็นสังคมที่ดีสำหรับคนทุกช่วงวัย ทุกเจเนอเรชัน (Multi-generational Living Concept) ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตในประเทศไทยและทั่วโลก
โครงการ “ดุสิต อจารา หัวหิน” เป็นโครงการที่ผสมผสานความเชี่ยวชาญของกลุ่มดุสิตธานี ทั้งด้านการบริหารโรงแรม (Hotel Management) และการบริการ (Hospitality Services Management) ซึ่งนับเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ที่กำลังจะเสร็จสมบูรณ์อย่างเต็มรูปแบบ ขณะเดียวกัน ยังสะท้อนศักยภาพด้านโอกาสในการสร้างรายได้ของกลุ่มดุสิตธานี ด้วยการใช้ประโยชน์จากที่ดินรอการพัฒนา (Land Bank) ซึ่งเป็นที่ดินที่มีศักยภาพสูง นำมาพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ 3 ประการของกลุ่มดุสิตธานี ได้แก่ สร้างสมดุล สร้างการเติบโต และกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ
“หัวหินเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทยที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและมีความผูกพันระหว่างคนไทยและชาวต่างชาติมาอย่างยาวนาน เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ของชายหาดที่สวยงามและบรรยากาศที่เงียบสงบ และยังคงมีแนวโน้มการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ทำให้หัวหินเต็มไปด้วยโอกาสในการพัฒนา อีกทั้งการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐภายใต้นโยบายของการพัฒนาให้เป็น Smart City การขยายตัวของเมือง และการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งระยะสั้นและระยะยาว ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของตลาด โดยเฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์กลุ่มที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงอัลตร้าลักซ์ชัวรี ที่ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมไปถึงโครงการแบบ Branded Residences ที่ได้ความสนใจเป็นพิเศษ ปัจจัยส่งเสริมเหล่านี้ ทำให้เรามั่นใจว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จ” นางศุภจีกล่าว
ขณะเดียวกัน กลุ่มดุสิตธานีเชื่อมั่นว่า โครงการดังกล่าวจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติและเพิ่มโอกาสการเข้าพักระยะยาวของชาวต่างชาติ รวมถึงยังสามารถต่อยอดเพิ่มฐานลูกค้าทั่วโลก โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การตลาดที่เสริมสร้างภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งผสานเข้ากับความงดงามของวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อกระตุ้นความต้องการที่อยู่อาศัยบนพื้นที่ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำของคนทั่วโลกในการใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี
นางสาวณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิต เอสเตท จำกัด กล่าวว่า เราได้วางแผนพัฒนาพื้นที่ด้านหน้าของโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ขนาด 20 ไร่ เพื่อนำเสนอการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ ผ่านคำว่า ‘ความสุข’ แห่งการอยู่อาศัยด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ โดยวางแผนพัฒนาที่พักอาศัยเป็นแบบ ‘Low Rise, Low Density’ ที่นำเสนอความเป็น ‘Multi-generational Living’ ให้ทุกช่วงวัยในครอบครัวสามารถอยู่อาศัยและใช้ช่วงเวลาอันทรงคุณค่าด้วยกัน ตอบโจทย์ที่พักอาศัยที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ครอบคลุมทุกเจเนอเรชัน
โดยโครงการเป็นโครงการแบบ Leasehold หรือการเช่าแบบระยะยาว ประกอบไปด้วย 7 อาคาร แบ่งเป็นอาคาร 3 ชั้น จำนวน 4 อาคาร และอาคาร 6 ชั้น จำนวน 3 อาคาร รวมทั้งสิ้น 96 ยูนิต โดยยูนิตจะมีขนาดตั้งแต่ 1 ห้องนอน ขนาด 70 - 90 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ขนาด 120 - 180 ตารางเมตร 3 ห้องนอน ขนาด 250 ตารางเมตร และเพนท์เฮ้าส์ ซึ่งในทุกอาคารได้ออกแบบให้บริเวณยูนิตชั้น 1 มีพื้นที่สวนสีเขียวส่วนตัว ขนาด 25 - 35 ตารางเมตร พร้อมพื้นที่จอดรถติดกับที่พักอาศัย
นางสาวณัฐภาณุ์ กล่าวว่า ด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมได้ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49), PIA Interior และ P Landscape (PLA) มาร่วมดีไซน์สถาปัตยกรรมโดยจัดวางองค์ประกอบและเลย์เอาท์ของโครงการ ผ่านการดึงความงดงามสไตล์ ‘Bridging Oasis’ สร้างที่อยู่อาศัยให้แนบชิดธรรมชาติท่ามกลางสวนที่เขียวชอุ่มอย่างกลมกลืนเสมือนต้นไม้ได้โอบกอดผู้ที่พักอาศัย การแบ่งสัดส่วนพื้นที่ของตัวอาคาร พื้นที่ส่วนกลาง และสิ่งอำนวยความสะดวกได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี