ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม-28 มีนาคม 2568 พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 3,718.83 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ขายสุทธิ 8,750.47 ล้านบาทนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 38,379.82ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ(รายย่อย)ซื้อสุทธิ 50,849.13 ล้านบาท

เฉพาะวันที่ 1-28 มีนาคม 2568 พบว่าสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 4,033.12 ล้านบาทโบรกเกอร์ขายสุทธิ 6,312.79 ล้านบาทนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 20,378.11ล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ 22,657.78 ล้านบาท

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวช่วงที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยพลิกร่วงลงท้ายสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า ขณะที่ตลาดหุ้นปิดการซื้อขายในช่วงบ่ายของวันศุกร์หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบเกือบตลอดสัปดาห์โดยช่วงแรกตลาดหุ้นมีแรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่าสหรัฐฯ อาจบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้แบบเจาะจง ซึ่งช่วยคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นสงครามการค้า ประกอบกับมีแรงซื้อหุ้นรายตัวเข้ามาหนุน โดยเฉพาะหุ้นบริษัทด้านพลังงานรายใหญ่แห่งหนึ่งและบริษัทค้าปลีกรายใหญ่แห่งหนึ่งที่ประกาศแผนซื้อคืนหุ้นรวมถึงหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง แต่กรอบการปรับขึ้นค่อนข้างจำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของประเด็นสงครามการค้า อย่างไรก็ดีหลังปธน. สหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% มีผลบังคับใช้วันที่ 2 เมษายนนี้ ก็ส่งผลให้ตลาดกลับมากังวลว่าสงครามการค้าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นและเกิดแรงเทขายเพื่อลดความเสี่ยง

ปริมาณการซื้อขายในสัปดาห์นี้ค่อนข้างเบาบาง โดยเฉพาะวันศุกร์ ซึ่งเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ประกาศปิดการซื้อขายในช่วงบ่าย อีกทั้งหุ้นแบงก์ปรับตัวได้ต่อเนื่องสวนทางกับภาพรวมตลาด เนื่องจากมีแรงหนุนจากแรงซื้อก่อนจ่ายปันผลและประกาศงบไตรมาส 1/2568

แนวโน้มสัปดาห์นี้ (31 มีนาคม-4 เมษายน 2568) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย คาดแนวรับที่ 1,165 และ 1,155 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,185 และ 1,200 จุด ตามลำดับ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมีนาคมของไทย ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ทิศทางเงินทุนต่างชาติ