ธนาคารไทยเครดิต ไตรมาสแรกกำไร 903.0 ล้านบาท

ธนาคารไทยเครดิต ไตรมาสแรกกำไร 903.0 ล้านบาท

วันจันทร์ ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2568, 17.35 น.

นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT กล่าว่ว ธนาคารไทยเครดิต (CREDIT) ประกาศผลกำไรสุทธิประจำไตรมาสแรกของปี 2568 อยู่ที่ 903.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ที่ร้อยละ 42.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังของธนาคาร การออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง และการเพิ่มจำนวนพนักงานเก็บเงินและเร่งรัดหนี้สินอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คุณภาพของสินทรัพย์ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม NPL Coverage Ratio ยังอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 150.7 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินงานที่ยังมุ่งเน้นความระมัดระวัง

นายรอยย์ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าประเทศไทยเผชิญกับนโยบายการปรับเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา และเหตุการณ์แผ่นดินไหวในช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2568 ธนาคารยังสามารถรักษาการเติบโตของกำไรได้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง และการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ ยอดเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 165,889.6 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 จากปีก่อน นอกจากนี้ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ตามการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ ในขณะเดียวกัน ธนาคารยังสามารถควบคุมคุณภาพของสินทรัพย์จากการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคงอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (Gross NPLs ratio) ที่ร้อยละ 4.4 ขณะที่อัตราส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin: NIM) ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 7.9 สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของธนาคาร


“แม้จะอยู่ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ ธนาคารไทยเครดิตยังคงดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นความรอบคอบและมีวินัยทางการเงิน โดยให้ความสำคัญกับการบริหารคุณภาพของสินเชื่ออย่างเข้มงวด พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่นสูง ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในสภาพแวดล้อมแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารสามารถรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”นายรอยย์กล่าว

นอกจากนี้ ในปี 2568 ธนาคารไทยเครดิตได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ภายใต้ชื่อ “SME กล้าสู้” โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอี ให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคและความท้าทายทางธุรกิจได้อย่างมั่นใจและมีความมั่นคง สอดคล้องกับจุดยืนของธนาคารที่พร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการในทุกช่วงเวลา (“STANDBY เคียงข้าง SME ทุกช่วงเวลา”) สินเชื่อ “SME กล้าสู้” ถือเป็นครั้งแรกที่ธนาคารนำโมเดลการพิจารณาสินเชื่อแบบอิงความเสี่ยง (Risk-based Pricing) มาใช้กับกลุ่มลูกค้าไมโครเอสเอ็มอี ที่มีความยืดหยุ่น สามารถคำนวณอัตราดอกเบี้ยตามระดับความเสี่ยงของผู้ประกอบการแต่ละราย ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับเงื่อนไขสินเชื่อที่เหมาะสมยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงเดินหน้าผลักดัน “สินเชื่อเถ้าแก่ใหญ่” อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มทุนหมุนเวียนและเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย สามารถต่อยอดกิจการเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว รองรับความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิ

สำหรับกลยุทธ์สำคัญที่ธนาคารใช้ในการขับเคลื่อนเป้าหมายการเติบโตในปี 2568 ประกอบด้วย 1.การขยายสินเชื่อในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก 2.การพัฒนาและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 3.การสร้างและพัฒนาธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มแหล่งรายได้ในอนาคต โดยกลยุทธ์ทั้งสามด้านนี้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานระยะยาวของธนาคาร ซึ่งมุ่งสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนและเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว

“ธนาคารมุ่งมั่นยกระดับการให้บริการทางการเงินอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการวางรากฐานที่มั่นคงผ่านการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการรับมือกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังถือเป็นการยกระดับระบบและแพลตฟอร์มของธนาคารให้สมบูรณ์แบบและตอบรับกับกระแสดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมการเงินทั้งในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายจุดให้บริการลูกค้าผ่านการเปิด Business Center ในจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าให้มีความสะดวกครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” นายรอยย์ กล่าว

-031

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top