นายวีรพันธ์  อังสุมาลี  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์  หรือ “โฮมโปร” (HMPRO) เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาส 1 ประจำปี 2568 ว่าบริษัทฯ มีรายได้ 18,654.46 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,707.38 ล้านบาท โดยรายได้ปรับตัวลดลง เป็นผลมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ วงเงินการใช้จ่ายภายใต้โครงการ E-Receipt ที่ลดลงสำหรับร้านค้าทั่วไป จำนวนวันทำการของเดือนกุมภาพันธ์ที่น้อยกว่าปีก่อนหน้า รวมถึงจากที่ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูร้อนล่าช้า และมีฝนตกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ในสินค้าประเภทเครื่องทำความเย็น ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนบริษัทมีรายได้ค่าเช่า  471.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.46 ล้านบาท หรือ 4.54% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น

นายวีรพันธ์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2568 เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ อาทิ นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่มีความแน่นอน รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้การบริโภคของภาคประชาชนยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการ Easy E-Receipt 2568 ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยผู้บริโภคสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท ทั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์จากปีก่อน แบ่งเป็น 30,000 บาท สำหรับร้านค้าทั่วไป และ 20,000 บาท สำหรับวิสาหกิจชุมชนและร้านค้า OTOP โดยจากการแยกวงเงินลดหย่อนภาษี ส่งผลให้มูลค่าการใช้สิทธิของร้านค้าทั่วไปลดลง ทำให้ยอดขายปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

 “โฮมโปรยังคงเดินหน้าเสริมแกร่งทางธุรกิจ ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มมาร์เกตเพลสออนไลน์ควบคู่กับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายรวมถึงจัดกิจกรรม Double Day และกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับความต้องการในกลุ่มสินค้าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นในช่วงถัดไป” นายวีรพันธ์ กล่าว